2 กันยายน 2568 ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยตลอดแนวชายแดนไทย-เขมร ถูกปล้น ฆ่า ทำร้ายอย่างหฤโหด ในหลายเหตุการณ์ แล้วก็จะเงียบหายไป #คนชายขอบ หวาดระแวง #ภัยจากทหาร#โจรเขมร ตลอดมา
ขอย้อนกล่าวถึงเหตุการณ์ที่คนไทย เจ็บช้ำ สูญเสียมากที่สุด
คืนวันที่ 24 มกราคม 2520 เวลาประมาณ 22.00 น. #กลุ่มเขมรติดอาวุธนับร้อยคน บุกเข้าข้ามเขตแดนเข้าไปที่ บ้านน้อยป่าไร่ บ้านหนองดอ และบ้านกกค้อ พร้อมๆ กัน 3 พื้นที่
เหตุปล้น ฆ่า ครั้งนั้น คนไทยในหมู่บ้านถูกเขมรสังหารรวม 30 คน มีทั้งชาย หญิง คนแก่ เด็ก และหญิงตั้งท้อง #เขมรเผาหมู่บ้านทั้งหมด ก่อนถอนกำลังออกไป
เพื่อเป็นการตรึงกำลังฝ่ายเรา กองกำลังเขมร เข้าโจมตีโอบล้อม ฐานปฏิบัติการของ #ตำรวจตระเวนชายแดน ในพื้นที่ใกล้เคียง ยิงต่อสู้กัน ประมาณ 20 นาที ฝ่าย
ทหารเขมรกลับมารอบ 2
30 นาทีต่อมา ทหารเขมรก็หวนกลับมาเข้าตีฐาน #ตชด.อีกครั้ง ส่วนสนับสนุนของ ตชด.นำกำลังมาช่วย โดยใช้รถเกราะเคลื่อนย้ายกำลังเมื่อเข้าเขตหมู่บ้านน้อยป่าไร่ เหลือระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร รถเกราะก็โดนกับระเบิดพังพินาศ เขมรถอนกำลังกลับไป
ช่วงเช้า…พอมีแสงสว่าง ตชด. เข้าช่วยเหลือ ลำเลียงชาวบ้านที่บาดเจ็บออกจากบ้านน้อยป่าไร่ ภาพที่ถูกบันทึก ลงข่าวหน้า 1 ในหนังสือพิมพ์ คือ 3 หมู่บ้านที่ถูกเผา และชาวบ้าน 30 ศพ ที่อนาถที่สุด คือ หญิงท้องแก่ถูกดาบปลายปืนแทงเสียชีวิต
ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทยตื่นตระหนก ขวัญผวา ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านนับร้อยคน ต่างพากันอพยพเข้ามายังตัวเมือง อ.อรัญประเทศ เข้าอาศัยอยู่ตามศาลาวัดเป็นส่วนใหญ่
ช่วงสายวันนั้น นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านและ ตชด.
เหตุร้ายที่เขมร ปล้น ฆ่า คนไทยตามแนวชายแดน เกิดขึ้นอีกหลายระลอก คนไทยสูญเสียตลอดมา…ทหารเขมร โจรเขมรมีหลายกลุ่ม ทุกกลุ่มหาอยู่-หากิน จากการปล้น ฆ่า …
โจรเขมร มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ไปปล้น ฆ่า ใน #ดินแดนทางฝั่งตะวันออก ที่ติดกับ #เวียดนาม แต่ก็เจอทหารเวียดนาม “สวนกลับ” แบบถอนราก ถอนโคน
แม้กระทั้ง พ.ศ.2522 ผู้เขียนเป็น ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ได้รับคำสั่งให้ไปวางกำลังคุ้มครอง บ้านเขาเลื่อม อ.คลองหาด จ.ปราจีนบุรี ด้วยเหตุที่ทหารเขมรติดอาวุธเข้ามาปล้นเอา ข้าว เสบียงอาหาร จากชาวบ้านโดยเข้ามาทางช่องเขาเป็นระยะๆ ซึ่งการซุ่มโจมตีตามเส้นทางบังคับในป่าเขา ก็สามารถจับทหารเขมร แล้วปลดอาวุธได้ 4 คน และเป็นการหยุดยั้งการปล้นชาวบ้านเขาเลื่อม ได้ตลอดมา
ขอยืนยันว่า แต่ไหน แต่ไรมา ทหารเขมร โจรเขมร ข่มเหง รังแก ปล้น ฆ่าชาวบ้านคนไทยตามแนวชายแดนมาตลอด
กลับมาที่กรณีบ้านหนองจาน ครับ
หมู่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว อยู่ติดกับบ้านโจกจีย์ ต.โอรแบยเจือน อ. โอรจะเรา จ.บันเตียเมียนเจย
ถ้าเอาใจเขา มาใส่ใจเรา…ก็จะเข้าใจ เห็นใจ พี่น้องชาวบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ที่แสนจะขมขื่น เรื่อง เขมรบุกรุก ยึดครองที่ดินของคนไทยมานาน 40 ปี ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า ทำมาหากินไม่ได้ เพราะชาวกัมพูชาที่อพยพมาอยู่ ขับไล่ มีผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมาย ตอนนี้เดือดร้อนหนัก อยากบอกรัฐบาลให้เร่งจัดการให้จบ
27 สิงหาคม 2568 ผบ.ทสส. ประกาศสนันสนุนแนวคิด ผบ.ทบ. เรื่องการ #สร้างรั้วชายแดน ที่ #บ้านหนองจาน และ #บ้านหนองหญ้าแก้ว
ผู้เขียนขอสนับสนุนแนวคิดนี้ …เพราะเป็นแนวคิดที่มีรากฐานด้าน “ความมั่นคง-ความยั่งยืน” เพื่อคนไทยเหล่านี้…
ไม่มีทางเลือกเป็นอื่น กองทัพที่รับผิดชอบอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน รับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน เป็น “หน่วยงานหลัก” ที่เสนอแนวคิดการสร้างรั้วชายแดน
พ.ศ.2568 เกิดสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร ตลอดแนวชายแดนยาว 798 กิโลเมตร มีชาวบ้าน ทหาร เสียชีวิต คือ โอกาสที่จะคิดใหม่-ทำใหม่ ต้อง “ลงทุน” เพื่อผลในระยะยาวสำหรับชนรุ่นหลัง
มีหลายประเทศในภูมิภาคนี้ จับคู่กันสร้างรั้วแม้ในขณะที่เป็นมิตรกัน เวียดนาม-กัมพูชา กัมพูชา-ลาว จีน-พม่า อินเดีย-พม่า
ยิ่งถ้า ฝ่ายหนึ่งเกเร ขี้ฉ้อ ขี้โกง ไม่ชอบหน้ากัน ยิ่งต้องเร่งรัดสร้างแบบทึบ เพราะจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากัน
บ้านหนองจาน อยู่ระหว่างหลักเขต 46-47 ( ระยะทางประมาณ 1,340 เมตร ) มีความเป็นไปได้สูงด้วยเหตุและผล ที่จะสร้างรั้ว หรือกำแพงทึบตามเส้นเขตแดนเลยไปถึงหลัก 48 ซึ่งเป็นพื้นราบ
มีขั้นตอนการทำงานอีกหลายชั้น เริ่มตั้งแต่การผลักดัน “ผู้ละเมิดอธิปไตย” ราว 200 ครอบครัว ที่ฝังตัวในพื้นที่มาจนลืมว่า ตัวเองเป็นใคร มาจากไหน
แนวคิด รั้วชายแดน หรือกำแพง ตรงบ้านหนองจาน รวมไปถึงบ้านหนองหญ้าแก้ว น่าจะเป็น ปฐมบท ของความร่วมมือระหว่างไทย-เขมร แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ …มิใช่สร้างตามกระแส หากแต่สร้างตามคำเรียกร้องของประชาชน
บ้านหนองจาน ถือเป็นปราการด่านหน้า กลายเป็นแนวรบสำคัญ เนื่องจากอยู่ใกล้เขตแดนไทย-กัมพูชา ระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตร และมีประวัติการรุกล้ำและการลักลอบข้ามแดนบ่อยครั้ง
ส่วนพื้นที่ที่เหลือตลอดแนวชายแดน ที่ราบ ป่า เขา ลำน้ำ จะเป็นความตกลงตามมา ที่ต้องตกลงกัน มาถึงยุคดิจิทัล เทคโนโลยีทันสมัย แม่นยำ โกงกันไม่ได้ ยิ่งน่าจะต้องพิสูจน์กันให้เห็นเชิงประจักษ์
หลักฐานภาพถ่ายทางอากาศที่นำมาเปิดเผยกันบนโลกโซเชียล ที่เข้าถึงกันได้ คือ หลักการทำงาน
การสร้างรั้วชายแดนมิใช่เรื่องเพ้อเจ้อ มิใช่เรื่องใหม่
ขอย้ำว่า การสร้างรั้วเขตแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย ยาวประมาณ 650 กิโลเมตร ที่สังคมไทยเราไม่ค่อยทราบ คือ ความสำเร็จ ที่น่ายกย่อง เป็นความกล้าหาญ ของผู้นำในอดีตที่สานต่อกันมา
รั้ว ไม่สามารถหยุดยั้ง ไม่สามารถสกัดกั้น ความพยายามของมนุษย์ที่จะฝ่าฟัน ขุด เจาะ ปีนข้ามไปได้ หากแต่เป็นเครื่องหมายแนวเขตที่สามารถลด ชะลอ บรรเทาปัญหาลงได้บ้าง
เบื้องหลังการสร้างรั้วไทยมาเลเซีย เกิดจากปัญหาการลักลอบขนสินค้าเถื่อน การลักลอบเข้าเมือง และการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีแม่น้ำกั้นเป็นแนวชายแดน
ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลายเป็นปัจจัยหนุนเสริม ความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยการก่อสร้างมีทั้งแบบรั้วตาข่ายเหล็ก รั้วอิเล็กทรอนิกส์ (กล้องวงจรปิด) และเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำ โดยมีการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจและไม่ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ยังคงมีความเชื่อมโยงกันอยู่
การสร้างรั้ว มุ่งเน้นไปที่พื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีแม่น้ำกั้น ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของรั้วอย่างน่าพอใจ
การทำงานที่ค่อยเป็น ค่อยไป มีแผนการดำเนินการชัดเจน คือสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโก-ลก บริเวณเขต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ระยะทาง 7.528 กิโลเมตร สร้างรั้วตาข่ายเหล็กชายแดน สูง 2 เมตร ระยะทาง 15 กิโลเมตร สร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ (รั้วแบบกล้อง cctv) ตามแนวชายแดนระยะทาง 6 กิโลเมตร และสร้างฐานปฏิบัติการชุดเฝ้าตรวจชายแดนไทย-มาเลเซีย จำนวน 3 ฐาน
โชคดีที่ทางการมาเลเซียให้ความร่วมมือตั้งแต่ระดับบน ลงมาถึงระดับผู้ปฏิบัติงานในสนาม…ไม่งอแง ไม่โยกโย้
มีเสียงคัดค้าน โต้แย้งในทางการเมืองบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา
มีข้อมูลน่าสนใจว่า…เขมรกำลังเผชิญหน้ากับเพื่อนบ้าน ลาว และเวียดนาม เรื่องเขตแดนกันบ้างมั้ย?
คำตอบ คือ มีปัญหาเช่นกัน
ข้อพิพาทเขตแดนระหว่างลาว-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากมีเขตแดนจำนวนมากยังไม่ได้มีการปักปัน (un-demarcated border area) ให้ชัดเจน
ก.พ.2560 รัฐบาลฮุน เซน ดำเนินนโยบาย “ตัดถนนรอบเขตแดน” ของประเทศ หลังจากได้รับเงินสนับสนุน และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากจีน ขณะที่รัฐบาลลาวมองว่า โครงการตัดถนนบางส่วนของกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ ที่ยังไม่ได้มีการปักปันระหว่าง 2 ประเทศ
หน่วยงานรัฐในพื้นที่ของลาวจึงตัดสินใจส่งกองกำลังทหารเข้าไปเจรจา จนกระทั่งกัมพูชายอมยุติการก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว
จากนั้นไม่นาน ฮุน เซน และ นายทองลุน สีสุลิด นรม.ลาว ได้ร่วมหารือพร้อมจัดทำหนังสือยื่นเสนอไปยังนายเอ็มมานูเอล มาครง ปธน.ฝรั่งเศส เพื่อขอให้ฝรั่งเศสส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดน และแผนที่สมัยอาณานิคมมาให้แก่กัมพูชาและลาว เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศต้องการที่จะปักปันเขตแดนทั้งหมดให้แล้วเสร็จ
กัมพูชาเคยยื่นเรื่องเช่นนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเกิดข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับเวียดนามในปี 2558 ซึ่งทางฝรั่งเศสก็ส่งแผนที่สมัยอาณานิคมมาให้ โดยทางกัมพูชา และเวียดนามก็ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนที่ดังกล่าว
พัฒนาการล่าสุด นสพ.Vientiane Times ฉบับ 24 เม.ย.66 เสนอข่าวว่า…
ลาว-กัมพูชา เห็นพ้องในการปักปันเขตแดนเพิ่มเติม นายสะเหลิมไซ กมมะสิด รอง นรม./รมว.กต.ลาว/ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission-JBC) ลาว กับนายวา กึมฮง รมต.อาวุโส/ประธาน JBC กัมพูชา เป็นประธานร่วมการประชุม JBC ลาว-กัมพูชา ที่ จ.พระสีหนุ กัมพูชา เมื่อ 21 เม.ย.66 ผลการประชุมทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะปักปันเขตแดนและร่วมกับซ่อมสร้างหลักเขตแดนอีก 387 หลักที่ชำรุด สูญหาย
ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้คณะทำงานร่วมด้านเทคนิค ลาว-กัมพูชา เริ่มภารกิจการกำหนดที่ตั้งหลักเขตแดนใน พ.ค.66 ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2568 และการให้ข้อเสนอแนะแก่ประธานร่วม JBC เพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนที่ยังไม่ได้ข้อยุติ
กต.ลาวระบุด้วยว่า การประชุมครั้งนี้ส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือฉันมิตรระหว่างประเทศทั้งสอง ทั้งนี้ ลาวและกัมพูชามีเขตแดนร่วมกันยาว 540 กิโลเมตร ปักปันคืบหน้าแล้วร้อยละ 83
การปักปันเขตแดนกัมพูชา-เวียดนาม ทำอะไรกันอยู่…?
กัมพูชา-เวียดนาม มีทั้งข้อตกลงและข้อพิพาทตลอดเส้นเขตแดน เริ่มต้นจากการใช้แผนที่ในสมัยฝรั่งเศสเป็นพื้นฐานเช่นกัน
ฝ่ายค้านของกัมพูชา กล่าวหารัฐบาลฮุนเซนยอมว่าสละดินแดนให้เวียดนามมาตลอด
ปี 2562 ทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงที่กำหนดแนวเขตแดนทางบกสำเร็จไปกว่าร้อยละ 84 และกำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่เหลืออยู่
ก่อนปิดต้นฉบับ…มีข่าว (จากสื่อมวลชน) ทุกฝ่าย “เห็นชอบ” ในหลักการ ไฟเขียวการสร้างกำแพงแบบถาวรชายแดนไทย-เขมร จากหลักเขต 50-51 ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ ความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร จะเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2568 เป็น “ปฐมบท” ของกำแพงชายแดนไทย-เขมร…รอนำเรื่องเข้าที่ประชุม สมช.
อนุโมทนา สาธุ…ครับ