ซานาเอะ ทาคาอิจิ เพิ่งคว้าชัยชนะในศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LPD) ของญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นตำแหน่งที่ครอบครองโดยผู้ชายมาตลอด ทำให้เธอกลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศญี่ปุ่น และกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่ถูกมองว่ามีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสูง และก้าวตามรอย มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตผู้นำหญิงเหล็กของอังกฤษผู้เป็นบุคคลต้นแบบของเธอ
หลังชัยชนะที่พลิกความคาดหมายของทาคาอิจิ นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า ชัยชนะของเธออาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศที่มีภาระหนี้สาธารณะสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บวกกับจุดยืนชาตินิยมของเธออาจเพิ่มแรงเสียดทานกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นของญี่ปุ่นรวมถึงค่าเงินเยนในเวลาต่อมา กลับสวนทางกับการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บ้าง เพราะดัชนีนิกเคอิของญี่ปุ่นพุ่งสูงสุดทำสถิติใหม่ และคาดว่าจะยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องต่อไป แม้ว่าค่าเงินเยนจะลดลงก็ตาม
ทาคาอิจิ วัย 64 ปี เป็นผู้สมัครที่มีแนวนโยบายการเงินและการคลังที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวมากที่สุด ในบรรดาผู้สมัครชิงแหน่งหัวหน้าพรรคแอลดีพีทั้ง 5 คน ซึ่งจะเข้ามาแทนที่นายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยว
ก่อนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแอลดีพีเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม เกิด “การเทรดแบบทาคาอิจิ” ขึ้น โดยเน้นการเข้าซื้อหุ้นและขายพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว เพราะเชื่อว่าทาคาอิจิจะชนะเลือกตั้ง และเธอจะเดินตามนอบโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ “อาเบะโนมิกส์” ของชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็นที่จดจำของญี่ปุ่น
ทาคาอิจิยังได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่รื้อข้อตกลงการลงทุนกับสหรัฐ เพื่อลดภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทาคาอิจิพ่ายแพ้การชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแอลดีพีเมื่อปีก่อนให้กับนายอิชิบะ แต่หลังจากชัยชนะในการลงคะแนนภายในพรรคแล้ว เธอยังต้องรอการรับรองจากรัฐสภา เพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่อย่างเป็นทางการ
แม้จะมีแนวโน้มสูงที่รัฐสภาน่าจะให้การรับรองทาคาอิจิ เพราะพรรคแอลดีพียังคงเป็นพรรคที่มีจำนวนที่นั่งมากที่สุด แต่สถานการณ์ก็ยังพูดไม่ได้ว่าแน่นอน 100% เนื่องจากรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันไม่ได้ครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งตลอดปีภายใต้การนำของนายอิชิบะ
คาดว่าหนึ่งในภารกิจแรกหลังรับตำแหน่งของทาคาอิจิ จะเป็นการให้การต้อนรับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมาเยือนญี่ปุ่นปลายเดือนตุลาคม 2025
ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทยและกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทาคาอิจิกล่าวอยู่เสมอว่า มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กของอังกฤษคือบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอ โดยชื่นชมความเข้มแข็งทางอุดมการณ์และความอบอุ่นในแบบผู้หญิงของแทตเชอร์ โดยทาคาอิจิเคยพบแทตเชอร์ในงานสัมมนา ไม่นานก่อนที่แทตเชอร์จะถึงแก่อสัญกรรมในปี 2013
ทาคาอิจิซึ่งเป็นมือกลองและแฟนเพลงเฮฟวีเมทัล ก็คุ้นเคยกับการสร้างเสียงดังในวงการเมืองได้ไม่แพ้กัน
เธอเป็นผู้ไปสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิเป็นประจำ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่วีรชนผู้เสียชีวิตในสงครามของญี่ปุ่น รวมถึงอาชญากรสงครามที่ถูกประหารชีวิต ซึ่งถูกมองจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียบางแห่งว่าเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิทหารในอดีตของญี่ปุ่น
ทาคาอิจิสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น เพื่อรับรองสถานะของกองกำลังป้องกันตนเองที่กำลังขยายบทบาทขึ้น เธอยังเสนอในปีนี้ว่า ญี่ปุ่นอาจจัดตั้ง “พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบกึ่งทางการ” หรือ quasi-security alliance กับไต้หวัน
แม้ทาคาอิจิจะให้คำมั่นว่า เธอจะเพิ่มจำนวนรัฐมนตรีหญิงในคณะรัฐมนตรี ซึ่งการเพิ่มบทบาทของสตรีถือเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นล้าหลังกว่าสมาชิกชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ หรือ จี7 อื่นๆ แต่ผลสำรวจชี้ว่า จุดยืนแนวอนุรักษนิยมของเธอได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ทาคาอิจิคัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการให้คู่สมรสสามารถใช้นามสกุลแยกกัน ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน แต่ยังถูกต่อต้านอย่างหนักในกลุ่มอนุรักษนิยม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อมมากที่สุดคือ “นโยบายเศรษฐกิจ” ของเธอ
ในฐานะศิษย์ผู้ใกล้ชิดของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ทาคาอิจิเป็นผู้สนับสนุนแนวทาง “อะเบะโนมิกส์” มาโดยตลอด เธอเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายและลดภาษี เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น และยังวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจขี้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น
มารดาของทาคาอิจิเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนาระ บ้านเกิดของเธอ ส่วนบิดาทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น
ในการปราศรัยสำคัญเมื่อเดือนที่แล้ว ทาคาอิจิได้กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเตะกวางศักดิ์สิทธิ์ที่เดินอยู่ในสวนสาธารณะนารา โดยให้คำมั่นว่าจะจัดอย่างเด็ดขาดกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นประเด็นร้อนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางส่วน ท่ามกลางจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้อพยพต่างชาติที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในญี่ปุ่น
ทาคาอิจิสำเร็จการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยโกเบ ก่อนจะไปฝึกงานเป็น “Congressional Fellow” ในรัฐสภาสหรัฐ เธอก้าวเข้าสู่สนามการเมืองในปี 1993 ด้วยการชนะเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยเป็นผู้สมัครอิสระ ก่อนจะเข้าร่วมพรรคแอลดีพีในปี 1996
ทาคาอิชิใช้เวลา 29 ปีในเวทีการเมือง จนสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตัวเองและประเทศญี่ปุ่น ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศสังคมอนุรักษนิยม
เธอกลายเป็นผู้ทลายเพดานแก้วของสังคมที่เคยเป็นอุปสรรคไม่ให้สตรีก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด และสะท้อนให้เห็นว่าสังคมญี่ปุ่นกำลังค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากสังคมชายเป็นใหญ่ และเปิดกว้างให้ผู้หญิงได้แสดงบทบาทมากขึ้น
ทาคาอิจิกล่าวกับสมาชิกพรรคหลังการประกาศชัยชนะของเธอในวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคมว่า “แทนที่จะรู้สึกดีใจ ฉันกลับรู้สึกว่าภารกิจที่หนักยิ่งกำลังเริ่มต้นขึ้น”.