การที่สื่อบางรายการนำประเด็นที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี มาถกเถียงอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะการเชิญ “แขกรับเชิญ” ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีความคิดเห็นที่ชี้ขาด มา “ยำ” หรือซักไซร้ไล่เลียงอย่างหนักก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น ถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อหลักการพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย ทั้งจริยธรรมสื่อ และธรรมาภิบาล
1. ความผิดพลาดทางจริยธรรมสื่อ ทำลายหลัก “สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” (Presumption of Innocence) ซึ่งเป็นหลักการสากลที่สำคัญที่สุดในกระบวนการยุติธรรมคือ “ทุกคนคือผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะพิพากษาว่ามีความผิด” ในกรณีที่มีสื่อกระทำในลักษณะดังกล่าวก็จะเป็นการละเมิดหลักการนี้อย่างรุนแรง กลายเป็นศาลเตี้ยทางสังคม การสวมบทบาทเป็น “ศาลจำลอง” ด้วยการสร้างบรรยากาศที่ชี้นำให้ผู้ชมตัดสิน “ความผิด” ของบุคคลนั้น ๆ ไปล่วงหน้า ส่งผลให้เกิดการพิพากษาจากสังคม ก่อนคำพิพากษาทางกฎหมายจริง ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง อาชีพ และสภาวะทางจิตใจของบุคคลนั้นอย่างไม่อาจแก้ไขได้ แม้สุดท้ายศาลจะตัดสินว่าไม่ผิดก็ตาม
ตามหลักจริยธรรมสื่อ สื่อต้องมีความเป็นกลาง และรายงานข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน การเลือกเชิญบุคคลที่ “ขายได้” หรือมีมุมมองที่รุนแรง มาปะทะคารม ให้ข้อมูลด้านเดียว มุ่งเน้นการสร้าง “ความเร้าใจ” มากกว่า “ความจริง” เป็นการเบี่ยงเบนจากภารกิจหลักของสื่อในการทำหน้าที่เป็น ผู้พิทักษ์ผลประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการละเลยสิทธิส่วนบุคคล ด้วยการขุดคุ้ยรายละเอียดส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปคดี เพื่อเพิ่ม “ความเข้มข้น” ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
2. ความบกพร่องทางธรรมาภิบาล เป็นบ่อนทำลาย “ความน่าเชื่อถือ” และ “นิติรัฐ”
คือการยึดถือกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมที่ชอบธรรมเป็นสำคัญ เมื่อสื่อเข้ามาแทรกแซงกระบวนการตัดสินด้วยการสร้างแรงกดดันจากสาธารณชน อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นในองค์กรตุลาการ และอาจเป็นแรงกดดันทางอ้อมต่อการทำหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมได้
การนำเสนอที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกแทนข้อเท็จจริง สร้างสภาพที่ทำให้สังคมตัดสินเรื่องราวด้วยความโกรธ ความสงสาร หรืออคติ มากกว่าการใช้เหตุผล และหลักฐานเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาพลเมืองที่เข้มแข็ง และสังคมที่มีวุฒิภาวะ
สื่อที่ดี ควรเป็น “ผู้ช่วยผดุงความจริง” (Truth-Seeker) ไม่ใช่ “ผู้สร้างมายาคติ” (Myth-Maker) ปัญหาการขาดธรรมาภิบาลของสื่อในลักษณะนี้ เป็นผลมาจาก “กลไกตลาด” ที่ให้ความสำคัญกับกำไรและเรตติ้งเหนือกว่าจริยธรรม หรือเป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ของการกำกับดูแลสื่อในประเทศไทยโดยเฉพาะ ปรากฏการณ์นี้ จึงมิใช่แค่เรื่องของ “รายการทีวี” แต่คือการตั้งคำถามต่อ “ความเป็นอารยะ” ของสังคมว่า เราพร้อมที่จะให้ “เรตติ้ง” อยู่เหนือกฎหมาย และหลักการพื้นฐานของมนุษยธรรมแล้วจริงหรือ?
Credit: FB Aor Arted