วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT   คดี “ฮั้ว ส.ว.” คลื่นใต้น้ำที่กำลังสั่นสะเทือนรัฐบาลสีน้ำเงิน

   คดี “ฮั้ว ส.ว.” คลื่นใต้น้ำที่กำลังสั่นสะเทือนรัฐบาลสีน้ำเงิน

เผยแพร่

spot_img

แม้รัฐบาลจะยังยืนยันว่าทุกอย่างเป็น “ไปตามกระบวนการ” แต่ความเงียบในห้องประชุมสภาฯ และเอกสารลับที่หลุดออกมา กลับดังกว่าคำชี้แจงใด ๆ  และสะท้อนว่า เสถียรภาพของรัฐบาลอาจไม่ได้ถูกคุกคามจากฝ่ายค้าน หากแต่มาจากแรงสั่นสะเทือนภายในตัวเอง

                               คดี “ฮั้ว ส.ว.” กลายเป็นบททดสอบศรัทธาของประชาชนต่อระบบการเมืองไทยอีกครั้ง หลังคณะกรรมการไต่สวนฯ มีมติส่งเรื่องให้ กกต. ดำเนินการต่อ โดยมีเวลาเพียง 90 วันก่อนเข้าสู่การชี้ขาดขั้นสุดท้าย หลักฐานที่ถูกเปิดเผย ตั้งแต่โพยรายชื่อผู้ได้รับเลือกที่ตรงกับผลจริง ไปจนถึงเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึงเครือข่าย 229 รายชื่อ ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเป็นระบบในกระบวนการ “จัดตั้ง” ส.ว. หากแต่สะท้อนถึงการแทรกซึมของพรรคการเมืองในพื้นที่ที่ควรเป็นอิสระ ซึ่งกระแสข่าวมีพรรคภูมิใจไทยถูกจับตามากที่สุดในฐานะแกนนำรัฐบาล

                               การอภิปรายในสภาฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้คดีนี้ปะทุอีกครั้ง ฝ่ายค้านนำ “เอกสารแจ้งข้อกล่าวหา” มาเปิดเผยกลางสภา พร้อมระบุชื่อบุคคลระดับสูงในรัฐบาลว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการฮั้ว ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลโต้กลับว่าฝ่ายค้าน “ต้องการเวลาออกทีวีมากกว่าความจริง” แต่สิ่งที่ตามมาคือความไม่ไว้วางใจทั้งในสภาและนอกสภา เมื่อเลขาธิการ กกต. ต้องสั่งสอบภายในถึงการรั่วของเอกสารลับเอง ความพยายามป้องกันความเสียหายทางภาพลักษณ์จึงยิ่งกลายเป็นการยอมรับโดยปริยายว่า “รอยร้าวมีอยู่จริง”

                          ผลลัพธ์ทางการเมืองของคดีนี้อาจแยกเป็นสองเส้นทางชัดเจน

                       ประการแรก  หาก กกต. และศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอในการเชื่อมโยงไปถึงคณะกรรมการบริหารพรรค อาจนำไปสู่การยุบพรรคและการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของแกนนำ ซึ่งจะเป็นแรงกระเพื่อมใหญ่ต่อรัฐบาลปัจจุบัน

                       ประการที่สอง  หากกระบวนการยืดเยื้อออกไปจนกระแสสังคมจาง คดีอาจจบแบบ “มวยล้มต้มคนดู” ด้วยการลงโทษเฉพาะรายบุคคล   และปล่อยให้ระบบการเมืองไทยเดินต่อไปด้วยความปวดร้าวแบบเงียบ ๆ

                     ในขณะที่นักการเมืองบางคนยังยืนกรานว่า “ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เกี่ยว” กับเส้นทางเงินที่ซับซ้อนเหมือนเขาวงกต คดีนี้กำลังเผยให้เห็นการเมืองไทยในมิติที่ขมขื่น  การฮั้ว ส.ว. ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อเสียง แต่คือการซื้อ “กลไกคุ้มกัน” เพื่อประกันอำนาจของตัวเอง

                     หากมองให้ลึก มันคือการทำประกันภัยทางการเมืองชั้นหนึ่ง เพียงแต่ตอนนี้กรมธรรม์กำลังถูกเพิกถอน  เพราะผู้ถือประกันดัน “จุดไฟเผาบ้านตัวเอง” เพื่อหวังเคลม

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

อนุทินแข็งกร้าว! สั่งระงับสันติภาพไทย-กัมพูชา ปิดด่าน 100%

หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ ชี้ความเป็นปรปักษ์ยังไม่สิ้นสุด ส่อขัดอนุสัญญาเจนีวา                           ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดในรอบปี ถูกประกาศโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยในวันนี้ โดยมีการสั่งระงับ "ปฏิญญาสันติภาพ" ร่วมกับกัมพูชาทันที พร้อมทั้งสั่งปิดด่านชายแดนทุกจุด 100% หลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 เหยียบทุ่นระเบิดซ้ำบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษจนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่...

อนุทิน ประกาศ 8 ข้อ เกมการเมืองที่ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีเร่งแถลง “8 ข้อสำคัญ” เพื่อสร้างความมั่นใจทางการเมือง ท่ามกลางแรงกดดันภายในและกระแสข่าวยุบสภา