วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTทหารบ้านกัมพูชา "ฝ่าฝืนคำสั่ง" ปล่อยโซเชียล หารายได้ สร้างภาพลักษณ์ ท้าทายความปลอดภัยยุทธศาสตร์

ทหารบ้านกัมพูชา “ฝ่าฝืนคำสั่ง” ปล่อยโซเชียล หารายได้ สร้างภาพลักษณ์ ท้าทายความปลอดภัยยุทธศาสตร์

เผยแพร่

spot_img

ไทยทริบูน วิเคราะห์ 31 สิงหาคม 2568

#ทหารบ้านกัมพูชา ในแนวหน้า กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนโลกโซเชียล ด้วยการ #โพสต์คลิปใช้ชีวิตประจำวัน การฝึกและใช้อาวุธ แม้ #กองทัพกัมพูชา จะออกคำสั่งห้ามเผยแพร่เนื้อหาที่อาจเปิดเผย #ตำแหน่งยุทธศาสตร์

แต่ความพยายามของกองทัพกลับไม่อาจ #หยุดแรงจูงใจจากรายได้ และความต้องการได้รับ #การยอมรับในสังคม

เหตุผลสำคัญคือ “ค่าตอบแทนจากการประจำการไม่เพียงพอ” เงินช่วยเหลือหรือบริจาคจากผู้บังคับบัญชาและชาวบ้านมักมีจำนวนจำกัด ตัวอย่างเช่น ทหารบ้านบางรายได้รับเพียง 6,000 เรียลต่อหน่วย (ประมาณ 48 บาทไทย) ต่อเดือน ซึ่งไม่สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างเพียงพอ

ทางเลือกที่เปิดโอกาสให้ทหารเหล่านี้คือ #รสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น #TikTok และ #YouTube โดย “รายได้มาจากยอดวิว ยอดไลค์ การสนับสนุนจากผู้ติดตาม” รวมถึงเงินบริจาคโดยตรงจากชาวบ้านหรือ #อินฟลูเอนเซอร์ ในกัมพูชา รายได้เหล่านี้สามารถสร้างเงินได้รวดเร็วและมากกว่าที่กองทัพจ่าย ทำให้ทหารให้ความสำคัญกับโซเชียลมากกว่าวินัยทางทหาร

นอกจากนี้ การทำคอนเทนต์ยัง #สร้างภาพลักษณ์วีรบุรุษ ในสายตา #สังคมออนไลน์ ซึ่งให้ “คุณค่าทางจิตใจและสังคม” เหนือ #คำสั่งทางทหาร ทหารบ้านบางคนยอมละเมิดวินัยและกฎกองทัพ เพราะเห็นว่าผลประโยชน์ทางการเงินและความยอมรับในสังคมออนไลน์มีค่ามากกว่าความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลยุทธศาสตร์

การโพสต์คลิปและภาพถ่ายจากแนวหน้าของทหารบ้านกัมพูชาบนโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงแต่สร้างรายได้และภาพลักษณ์วีรบุรุษในสายตาสังคม แต่ยัง เปิดเผยตำแหน่งยุทธศาสตร์และฐานปฏิบัติการสำคัญ ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง หากพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่การสู้รบเต็มรูปแบบเหมือน #สงครามรัสเซีย_ยูเครน ผลลัพธ์คงต่างออกไป

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ในกรณีพื้นที่ที่มีความขัดแย้งรุนแรง การเปิดเผยพิกัดและฐานปฏิบัติการต่อสาธารณะ จะกลายเป็น เป้าหมายโจมตีโดยตรง ด้วยอาวุธหนัก เช่น ระเบิด, ปืนใหญ่ หรือโดรน ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ทหารบ้านกัมพูชาอาจเสียชีวิตทันที ขณะเดียวกันโอกาสสร้างคอนเทนต์ก็แทบไม่มี

อย่างไรก็ดี ความโชคดีของทหารบ้านกัมพูชาคือ ไทยไม่ได้มีการโจมตีหรือปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่เหล่านี้ ทำให้พวกเขาสามารถถ่ายทำชีวิตประจำวันและอาวุธที่ใช้งานอยู่บนแนวหน้าต่อเนื่องโดยไม่มีอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น

นี่คือ ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคอนเทนต์ยอดนิยม ที่ชี้ให้เห็นว่า แม้การทำคอนเทนต์เป็นแหล่งรายได้และเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนเป็นสงครามเต็มรูปแบบเหมือนยูเครน ทุกอย่างอาจกลับกลายเป็น ความตายและความสูญเสียทันที

การโพสต์คอนเทนต์บนแนวหน้าของทหารกัมพูชาเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ยินยอมจะรับ พวกเขาโชคดีที่พื้นที่สงบและไม่ได้เผชิญสงครามรุนแรง แต่หากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนเป็นเช่นรัสเซีย–ยูเครน ทหารเหล่านี้คงไม่มีเวลามาถ่ายคลิปหรือสร้างคอนเทนต์เพื่อรายได้อีกต่อไป

สรุปได้ว่า การโพสต์คอนเทนต์ของทหารบ้านกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงความสนุกหรือการแชร์ชีวิตประจำวัน แต่สะท้อนถึง ความล้มเหลวในการสร้างแรงจูงใจทางการเงินของกองทัพ และการผสมผสานระหว่าง แรงจูงใจทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ทางสังคม ที่ทำให้พวกเขาพร้อม “ข้ามคำสั่ง” เพื่อให้ตัวเองและรายได้โดดเด่นบนโลกออนไลน์ แม้จะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของยุทธศาสตร์กองทัพ

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

#กัมพูชาไว้ใจไม่ได้

#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม

#HunSenwarcriminal

#สดุดีทหารไทย#รักประเทศไทย

#เขมรสับปลับ#กัมพูชาตระบัดสัตย์

#TruthFromThailand

#WeStandWithThailand

#CambodiaviolatestheOttawaConvention

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

อนุทินแข็งกร้าว! สั่งระงับสันติภาพไทย-กัมพูชา ปิดด่าน 100%

หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ ชี้ความเป็นปรปักษ์ยังไม่สิ้นสุด ส่อขัดอนุสัญญาเจนีวา                           ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดในรอบปี ถูกประกาศโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยในวันนี้ โดยมีการสั่งระงับ "ปฏิญญาสันติภาพ" ร่วมกับกัมพูชาทันที พร้อมทั้งสั่งปิดด่านชายแดนทุกจุด 100% หลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 เหยียบทุ่นระเบิดซ้ำบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษจนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่...

อนุทิน ประกาศ 8 ข้อ เกมการเมืองที่ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีเร่งแถลง “8 ข้อสำคัญ” เพื่อสร้างความมั่นใจทางการเมือง ท่ามกลางแรงกดดันภายในและกระแสข่าวยุบสภา