วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTนโยบาย 4 เดือน  กับเดิมพันการเมืองและความวุ่นวายในคูหา

นโยบาย 4 เดือน  กับเดิมพันการเมืองและความวุ่นวายในคูหา

เผยแพร่

spot_img

 ผ่านไปแล้วหนี่งวันกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต่อรัฐสภา ได้ตอกย้ำถึงการบริหารราชการแผ่นดินภายใต้ กรอบเวลาอันจำกัด และแรงกดดันทางการเมืองอย่างชัดเจน 

                       นายกรัฐมนตรีได้ประกาศอย่างตรงไปตรงมาถึง พันธะที่จะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม ปีหน้า โดยถือเป็นข้อตกลง จาก MOA ที่ลงนามกันไว้

                      การแถลงเน้นหลักการพื้นฐาน 3 ประการ และการเร่งแก้ 4 ภัยสำคัญของประเทศ คือเศรษฐกิจ, ความมั่นคง, สังคม, สิ่งแวดล้อม  ในฐานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย 

                       อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการแถลงถูกบดบังด้วยความวิตกจากฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ถึงขนาดระบุว่าช่วงเวลา 4 เดือนนี้คือ “4 เดือนหายนะ” ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กลับใช้เวทีนี้ในการ นับถอยหลังสู่การยุบสภา เพื่อผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

                      กับประเด็นของความเป็นไปได้ในการปฏิบัติงานของรัฐบาลใหม่นั้น ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับในช่วง 4 เดือนนี้จะเน้นไปที่ มาตรการบรรเทาทุกข์ระยะสั้น ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน นโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาภัยเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน เช่น การควบคุมค่าใช้จ่ายและการกระตุ้นกำลังซื้อ จะสามารถดำเนินการได้จริงและเห็นผลเร็วที่สุด     

                       อย่างไรก็ดี ด้วยงบประมาณที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จัดทำเองและสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย อำนาจในการบริหารเชิงโครงสร้างระยะยาวจึงมีข้อจำกัดอย่างมาก ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงการซื้อเวลา ให้กับประชาชนในการตั้งหลักจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเท่านั้น

                       สำหรับการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญและการยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ตามที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีได้อธิบายว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศที่จะตัดสินในความเป็นอธิปไตยของขาติ รัฐบาลเฉพาะกิจ ไม่คสรตัดสินใจเอง จึงใข้กระบวนการผ่านทางประชามติ  เป็นฉันทานุมัติ ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ในมิติของ การมีส่วนร่วมทางการเมือง มากกว่าการเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทันที

                       ประเด็นที่สร้างความกังวลอย่างยิ่งคือข้อเสนอของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ระบุว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังรัฐบาลนี้ประกาศยุบสภา   ประชาชนจะต้องกาบัตรถึง 4 ใบ (1. ส.ส. เขต, 2. ส.ส. บัญชีรายชื่อ, 3. ประชามติแก้รัฐธรรมนูญ, 4. ประชามติยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา

                       จากประสบการณ์ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา แม้แต่การกาบัตร 2 ใบก็ยังสร้างความสับสนและเป็นเหตุให้บัตรเสียจำนวนมาก การเพิ่มบัตรถึง 4 ใบในคูหาเลือกตั้ง ย่อมส่งผลให้เกิด ความวุ่นวาย ในระดับบริหารจัดการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยจะต้องทำงานหนักขึ้นอย่างมหาศาล ขณะที่ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่มีความคุ้นเคยกับกระบวนการ อาจเกิดความสับสนในการใช้สิทธิ การเพิ่มภาระการตัดสินใจ  2 ประเด็นใหญ่ เข้าไปในการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมกันนี้ ถือเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้ ยอดบัตรเสีย พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และบั่นทอนเจตนารมณ์ประชาธิปไตย

                        การแถลงนโยบายครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนายอนุทินมีความชัดเจนในการดำเนินงาน ตามพันธะสัญญาทางการเมือง ที่จะนำไปสู่การยุบสภา แต่ความชัดเจนดังกล่าวนั้นกลับเป็น ความคลุมเครือต่ออนาคตของประเทศ ในระยะยาว     

                       นโยบายที่นพเสนอเป็นเพียงการ ฉีดสารกระตุ้น เพื่อประคับประคองอาการป่วยทางเศรษฐกิจไว้ชั่วคราว ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้พรรคการเมืองอื่นเข้ามารับผิดชอบปัญหาที่หมักหมม และดูเหมือนว่ารัฐบาลจะทิ้งระเบิดเวลา ลูกใหม่ไว้ให้ประชาชนจัดการด้วยตัวเอง นั่นคือ ความวุ่นวายของการกาบัตร 4 ใบ ที่มีแต่จะสร้างความสับสนและเป็นภาระต่อกลไกประชาธิปไตย…        

                        สุดท้ายแล้ว รัฐบาลชุดนี้อาจไม่ได้สร้างรากฐานประเทศตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับกำลังสร้าง ‘รากฐาน’ ให้กับความโกลาหลในคูหาเลือกตั้งเสียเอง

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

อนุทินแข็งกร้าว! สั่งระงับสันติภาพไทย-กัมพูชา ปิดด่าน 100%

หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ ชี้ความเป็นปรปักษ์ยังไม่สิ้นสุด ส่อขัดอนุสัญญาเจนีวา                           ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดในรอบปี ถูกประกาศโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยในวันนี้ โดยมีการสั่งระงับ "ปฏิญญาสันติภาพ" ร่วมกับกัมพูชาทันที พร้อมทั้งสั่งปิดด่านชายแดนทุกจุด 100% หลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 เหยียบทุ่นระเบิดซ้ำบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษจนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่...

อนุทิน ประกาศ 8 ข้อ เกมการเมืองที่ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีเร่งแถลง “8 ข้อสำคัญ” เพื่อสร้างความมั่นใจทางการเมือง ท่ามกลางแรงกดดันภายในและกระแสข่าวยุบสภา