วันศุกร์, พฤศจิกายน 7, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกท่องโลก - ท่อง TWIST โอม นมัส ศิวายะ 

 โอม นมัส ศิวายะ 

เผยแพร่

spot_img

บางที่บางแห่งในโลก…!

ซ่อนความจริงที่คุณไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่..!

    คุณเชื่อไหม…ว่า “การทำลายล้าง” 

         บางครั้ง…อาจเป็นเสียงแรกของการเกิดใหม่?

                         เมืองแห่งนี้ไม่ใช่เพียง “สถานที่” หากแต่คือ “จังหวะลมหายใจของโลกเก่า” 

                         ทุกตรอกซอกซอย ทุกเสียงสวดมนต์ มีบางอย่างซ่อนอยู่   ราวกับว่าทุกอณูอากาศเฝ้ารอให้คุณหลุดเข้าไปในมิติอีกชั้น

              เมืองพาราณสี

                           เช้าตรู่…ที่นั่น

แสงแดดยามอรุณค่อย ๆ ฉาบลงบนสายน้ำคงคา

                           กลิ่นควันกำยานเจือปนเสียงสวด ……

  “โอม นมัส ศิวายะ   Om Namah Shivaya 

โอม นมัส ศิวายะ”

        เสียงดังก้องเหนือบันไดหินริมฝั่ง….แม่น้ำคงคา

                           อินเดียน ฮินดู โดยเฉพาะผู้เคร่งครัดในลัทธิไศวะ ซึ่งบูชาพระศิวะ. ชุมนุมอยู่ที่นั่น

         มนตร์นี้มีความหมายว่า “ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระศิวะ” หรือ “การสักการะแด่ผู้เป็นมงคล”. 

                               ภาพนักบวชทาเถ้าขาวเต็มร่าง นั่งนิ่งดั่งรูปสลัก…

                               เบื้องหน้า คือวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งพระศิวะ พระนางปารวตี  ที่ผู้แสวงบุญทั้งโลกต้องการมาให้เห็นด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต

กลิ่นธูปควันหนา ปะปนกับกลิ่นดอกไม้บูชา

เสียงสวดมนต์ก้องสะท้อนกำแพงศิลา

ทำให้ทุกลมหายใจ…ราวกับเดินอยู่ในมิติของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น

                                คุณไปมาแล้วใช่ไหม  ?

       เมื่อคราวไป 4 สังเวชนียสถาน….

       หรือยังไม่ได้ไป !

                      จะไปมาแล้ว หรือยังไม่ได้ไป….

        ตามผมมา…!

    สุวรรณภูมิ บินไป พาราณสี สี่ชั่วโมงครึ่ง

        ลงเครื่องแล้ว  จะใช้แท็กซี่   หรือรถตุ๊กตุ๊ก  หรือรถรับจ้างไปวิหาร  ได้ทั้งนั้น

จ่ายสัก  300–500 รูปี  ก็ไม่เกิน 150 บาท   ถึงแล้ว

        คุณจะมีความสุขกับเสียงแตรไปตลอดทาง

                     แล้วคุณก็ต้องกินของอร่อยหน้าวิหารก่อนซี

                      โรตีร้อน ๆ สักแผ่น โดยฝีมืออินเดียนแท้ที่เป็นมือวิเศษตบแป้งให้บางแล้วทอดได้กรอบ    กับชากาหล่ามจ๋าย  อันหอมกลิ่นเครื่องเทศเข้มข้นละมุนลิ้น  แค่นี้ก็อิ่มแล้ว

       อย่าไปสนใจ  ถ้าคุณเห็นคนขายยืนฉี่อยู่ใกล้ ๆ แล้วสะบัดมือนิด ๆ ก่อนจะจับแป้งคลึงแป้งโรตีให้รายอื่นต่อ

       ไป..เข้าไปข้างในกัน

       นักบวชหลายสิบคน ร่ายรำท่าทางศักดิ์สิทธิ์  นุ่งห่มผ้าพลิ้วปลิวไสวด้วยสีสดสว่าง  เทิดบูชาอย่างตั้งใจ

  แขนหมุนวนเป็นวงกลม

  เท้ากระแทกพื้นพร้อมเสียงกลองดังก้อง

  ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับมองทะลุเข้าไปในจิตใจผู้ชม

         ย่อตัวเอี้ยวซ้ายแล้วหันกลับมาทางขวาอย่างรุนแรง

            กลิ่นธูปควันหนาคลุ้งไปทั่ว พัดสัมผัสใบหน้าและผมของผู้คน

            ทุกก้าว…เหมือนเดินอยู่กลางสายลมพลังงานที่มองไม่เห็น

           ผมถอยห่าง เหมือนถูกพลังบางอย่างดึง  หลายคนขยับเข้าไปใกล้เหมือนถูกเชิญชวน

                  บางคนยืนตาไม่กะพริบ…จดจ้องการร่ายรำด้วยความกลัวปนศรัทธา

     ใกล้ ๆ  กันนั้น  ผมเห็น…

ศิวลึงก์…!

                  แท่งศิลาที่ดูเรียบง่าย แต่แท้จริงคือสัญลักษณ์แห่งจักรวาลและพลังสร้างสรรค์อันไร้สิ้นสุดของพระศิวะ

                  มันไม่ได้เป็นเพียงวัตถุศักดิ์สิทธิ์ หากแต่คือการย่อโลกทั้งจักรวาลลงมาอยู่ในรูปทรงเดียว   รูปทรงที่ผสานทั้ง “กำเนิด” และ “การทำลาย” เอาไว้พร้อมกัน

                  คนอินเดียเชื่อว่า ศิวลึงก์ ไม่ใช่เพียงหินศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็น สัญลักษณ์ของพระศิวะ   เทพผู้สร้างและผู้ทำลายจักรวาลในเวลาเดียวกัน

                  การกราบไหว้ศิวลึงก์ในวิหาร จึงเท่ากับการขอพลังคุ้มครอง ขอพรด้านความอุดมสมบูรณ์ กำลังใจ และการเริ่มต้นใหม่ในชีวิต

                     ทุกปีจะมีคืนแห่งพระศิวะ  จึงมีเทศกาล มหาศิวราตรี ที่ผู้คนหลั่งไหลไปวิหารศิวะทั่วอินเดีย เพื่อทำพิธีบูชาศิวลึงก์ทั้งคืน เชื่อกันว่าคืนนี้คำอธิษฐานจะถึงพระศิวะโดยตรง

                    เห็นไหม ว่าเขาไปกันทำไม ?

                     ผมฟังมาแล้วแล้วชวนให้น่าคิด !!

      เมืองนี้…ไม่ได้ให้คุณมา “เที่ยว” แต่มา “เผชิญหน้า”

      ทุกจังหวะกลอง…เหมือนสวรรค์เคาะประตูบอกว่าโลกนี้ไม่ใช่ของคุณ

      ศรัทธา…บางครั้งคือใบมีดที่กรีดวิญญาณโดยไม่รู้ตัว

      ความศักดิ์สิทธิ์…ไม่ได้โอบกอด แต่ทิ่มแทง

ผู้รู้ที่นั่นสรุปให้ฟังว่า….

            พาราณสี…คือเส้นแบ่งของ “คนที่ยังอยู่” และ “คนที่ถูกเลือกให้หายไป”

เจ้าหน้าที่วิหารเล่าให้ฟัง…

              “หากพระศิวะร่ายรำตัณฑวะครบ 108 จังหวะ…โลกจะ    

  ดับสลายทันที

  และบางพิธี…ผู้เข้าร่วมถึงกับล้มตายตรงนั้น

  ราวกับพลังนั้นดึงวิญญาณออกไปจริง ๆ”

          มีนักท่องเที่ยวเล่าปากต่อปากว่า ขณะพิธีดำเนินไป    จู่ ๆ ได้ยินเสียงสวดแผ่ว ๆ กลายเป็นเสียงกระซิบใกล้หู

    เห็นเงาร่างดำค่อย ๆ เคลื่อนไหวรอบตัว

    ฝันเห็นชายสวมพวงมาลาเข้ามาเคาะอก 3 ครั้ง

การทำลายล้าง…ไม่ได้เป็นด้านลบเสมอไป

มันคือการสร้างใหม่ ฟื้นฟูจักรวาล

บางครั้ง…ผู้ที่อยู่ในพิธี ได้สัมผัสพลังนี้เต็ม ๆ

และพลังนั้น…สามารถเรียกวิญญาณหรือทำให้ผู้เข้าร่วมถึงกับหมดสติได้จริง

         ขากลับ…จากวิหาร ผมกำลังคิด

การทำลายล้าง…ไม่ได้เป็นด้านลบเสมอไป

มันคือการสร้างใหม่ ฟื้นฟูจักรวาล

              เหมือนชีวิตเราเศร้าหมอง…ลองไปสักครั้ง พลังที่ได้รับทำให้ได้ชีวิตแจ่มใส  เหมือนอย่างที่ใคร ๆ เขาทำกัน

               ก้าวออกจากวิหาร….พลันเห็น

               ชายชราหน้าวิหารจ้องหน้า ยังคงยื่นมือมาหาเหมือนขาเข้าแล้ว  พูดพึมพำจนมีคนข้าง ๆ แปลให้ฟังว่า

             “ทุกคนที่ได้ยินเสียงกลองนี้…ต่างถูกเรียกมาโดยเจตจำนงบางอย่าง….

 คืนนั้นผมฝันเห็นพระศิวะร่ายรำตรงหน้า

และในความฝัน…

จังหวะนั้นดำเนินไปเรื่อย ๆ เหมือนนับถอยหลังบางสิ่งที่ผมยังไม่รู้คำตอบ…..!

       มืดแล้วสว่าง…สว่างแล้วอาจสว่างจ้า

               แล้วคุณจะเข้าใจ…ว่าทำไมผมถึงอยากให้คุณมาด้วย

    คุณคิดอะไรอยู่ !

ข่าวล่าสุด

วิกฤตความน่าเชื่อถือข้าราชการการเมืองไทย

การที่ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในทีมงานของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้รับมอบอำนาจทางกฎหมายจาก นายเบน สมิท (Benjamin Mauerberger) เพื่อยื่นฟ้องหมิ่นประมาท สส. รังสิมันต์ โรม

รัฐบาลประกาศเดินหน้าปราบสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ

รัฐบาลจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วง

สาเหตุที่เรียกผ้าม่วงก็เพราะผ้าไหมชนิดนี้สั่งทำมาจากเมืองจีน เป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง "หม่วง" ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน

“เมืองน้ำที่หลงลืมตัวเอง”

ประเทศไทยเคยเป็นเมืองที่เข้าใจน้ำ เราอยู่กับมันได้อย่างคึกคักและงดงามราวบทเห่ของดินฟ้า เราปลูกข้าวตามน้ำ เราไปมาหาสู่กันโดยล่องเรือตามน้ำ และเราสร้างบ้านเผื่อให้น้ำเข้ามาทักทายได้ทุกปี

ข่าวอื่นๆ

“Kai Tak Reborn สนามบินสู่โลกบันเทิง“

“ท่องโลก ท่อง Twist” “Kai Tak Reborn สนามบินสู่โลกบันเทิง“ ผมนั่งแนบหน้าต่างฝั่งซ้ายของเครื่อง ด้านนอกคือแนวตึกสูงเรียงชิดเหมือนกำแพงเมือง เอียงซ้ายทำมุม 45 องศา… จิกลงรันเวย์ที่ยื่นไปในอ่าวเกาลูน ปีกเครื่องเฉียดผ่านเสาไฟ มันใกล้พอจะเห็นชายชราตากผ้าอยู่บนระเบียง เงยหน้ามามอง เหมือนรู้ว่าเรากำลังตกอยู่ในชะตาเดียวกัน

 “ร่ายรำ 2 โลก”Kerala สู่ Chennai“ INDIA

เสียงกลอง Kathakali ดังขึ้นกลางแสงตะเกียง… ความหมายของเขา……. ที่เกรละ ความศรัทธาแสดงออกผ่าน “การร่ายรำ” ส่วนที่เจนไน ความเชื่อสะท้อนผ่าน “เสียงดนตรี”

Do-Re-Mi-   The Sound of Music

บางที่บางแห่งในโลก…ซ่อนความจริงที่คุณไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่ Do, Re, Mi, Fa, So, La, Ti, Do โน้ตแรกจากเสียงเพลงที่ทุกคนจำได้ของ The Sound of Music คุณเห็น “มาเรีย” จูลี่ แอนดรูว์ส หมุนตัวกลางเนินหญ้า Mehlweg สีเขียวสด ไหม !