วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเรื่องสั้นเรื่องสั้น        “แผนฆ่า..มาเฟีย”

เรื่องสั้น        “แผนฆ่า..มาเฟีย”

เผยแพร่

spot_img

  โกดังร้างกลางท่าเรือเงียบงัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่ตกจากท่อสนิมดังก้องสะท้อนทั่วห้อง 

                               แสงไฟนีออนเก่าเพียงดวงเดียวห้อยโยกเหนือโต๊ะเหล็กกลมผุกร่อน เผยให้เห็นแผนที่ถนนที่ถูกคลี่กางอยู่กลางโต๊ะ 

                              ขอบกระดาษยับย่นเหมือนผ่านการขยำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

                                กลิ่นสนิมคลุ้งปนควันบุหรี่จนบรรยากาศหนาแน่นราวกับหมอกที่กดทับให้หายใจติดขัด 

                                สี่คนกึ่งล้อมรอบโต๊ะ  กระดาษแผนที่ถูกคลี่กาง ขอบยับย่นแทบจะฉีกขาด วงปากกาสีแดงตรงสี่แยกกลางแผนที่สะดุดตาเหมือนเลือดสด ๆ หยดลงบนกระดาษ

                                 ฝ่ามือหนักตบลงบนโต๊ะจนสั่นสะเทือน เสียงทุ้มต่ำเปล่งชัด

                “คืนนี้… ทุกอย่างต้องสิ้นสุด ทุกคนเข้าใจไหม”

ดวงตาเขาคมกริบใต้คิ้วหนาข่มทุกคู่สายตาให้ก้มต่ำโดยไม่ต้องตะโกน

       เสียงเงียบงันไปครู่ใหญ่ ก่อนลูกพี่จะพูดชัดถ้อยชัดคำ

                            ”ทุกคนรู้แก่ใจดีใช่ไหม   ว่าพวกเราทำงานเสี่ยงตาย  แต่ละครั้งรอดได้ก็บุญแล้ว  ทุกคนรู้ใช่ไหม ก็แค่มีกินแต่ไม่มีใช้  ขณะที่เขากินดีอยู่ดีมีสุข เป็นหัวหน้ามาเฟียที่ไม่ดูแลทุกข์สุขของลูกน้อง….

                             ถ้าฉันเป็นหัวหน้าใหญ่แทน  ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง  แกจำคำนี้ไว้….“

             ทุกคนชูมือสูงยอมรับ…

                                ชายร่างผอมเหงื่อเกาะขมับยกมือเช็ด รีบเอ่ยเสียงสั่น

               “แต่ลูกพี่แน่ใจหรือ ว่านายใหญ่จะใช้ถนนเส้นใหญ่ ไม่วกเข้าซอยอื่น”

                                เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น คล้ายเย้ยความกังวล     

               “ไอ้ผอม… ฉันรู้นิสัยเขาดีกว่าใคร  เป็นใหญ่แต่ใจนิดเดียว ขี้กลัวต้องมีรถคุ้มกันเปิดหัวปิดท้าย  ปกป้องแน่นหนายิ่งกว่าใข่ในหิน  

                  แต่ถ้าเราคุมไฟแดงได้ตรงนี้… ..เชื่อซีไม่มีทางรอด”

                 คนที่นั่งห้อยบุหรี่ไว้ที่มุมปากเคาะนิ้วเบา ๆ บนเข่า 

               “ถ้างั้นผมจะขับรถตัดหน้า บังคับให้เลี้ยวเข้าซอยเอง”

                  เสียงตอบรับเรียบแต่หนักแน่นดังตามมา “ไอ้ดำ..แกเหมาะมาก… เรื่องนี้แกรับผิดชอบ”

                   มุมห้อง ร่างท้วมถือวิทยุ กดเช็กสัญญาณแล้วก้มตามแผนที่ 

                “หัวหน้า… เวลาแน่นอนหรือยัง”

                  ฝ่ามือเคาะโต๊ะสามครั้งติดกัน ก้องกังวาน 

                “สิบเจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้า ไฟแดงคุมได้สองนาที ทุกอย่างต้องลงตัว ถ้าเกินหกโมง ทุกอย่างจะล้ม จำให้ดี..ไอ้อ้วน“

                   โกดังทั้งโกดังเงียบจนได้ยินเพียงลมหายใจ ทุกเงาสั่นไหวไปตามแสงไฟนีออนที่กระพริบวูบวาบ

                   เสียงห้าวแหบจากมุมหนึ่งเอ่ยช้า ๆ 

      “ถ้ารถเปลี่ยนเส้นทางล่ะ”

                   หัวหน้าช้อนสายตามอง ราบเรียบแต่เย็นเฉียบ

     “ถ้ารถเบนไปทางอื่น   มีสัญญาณให้ยิงยางรถ    ต้องหยุดให้ได้ … คืนนี้มันไม่มีทางหนี”

                   คำพูดนั้นเหมือนตรึงอากาศในห้องให้หนืดข้นจนกลืนไม่ลง

                    อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ

                 “พูดกันตรง ๆ ถ้าเราพลาด พรุ่งนี้เช้าพวกเราต่างหมดสิทธิ์หายใจ”

                    ริมฝีปากหัวหน้าขยับเป็นรอยยิ้มมุมปาก แววตาสะท้อนความมุ่งมั่นไม่ไหวเอน 

                  “ไม่มีพลาด คืนนี้ฉันจะก้าวขึ้นเป็น“หัวหน้ามาเฟีย“ แทน ทุกวินาทีต้องเป๊ะ… ทุกคนเข้าใจ”

                     มือสี่คู่ยกขึ้นซ้อนกันกลางโต๊ะ โดยไม่ต้องสาบานเป็นคำพูด แต่หนักหน่วงยิ่งกว่าคำสัญญาใด

                     ฝนเพิ่งซา เหลือเพียงหยดน้ำพราวบนถนนราวกับคราบน้ำตาของเมือง แสงไฟจากตึกสูงสาดเป็นลำบาง ๆ ลงบนทางเท้าเปียก   เสียงยางบดถนนเปียกครืดคราดเหมือนฟันกรามกำลังขบกัด 

                คนแรกยืนเงียบที่มุมตึก ดวงตาจับจ้องถนนตรงหน้า มือขวากุมปืนแน่น มือซ้ายสั่นเล็กน้อยจากความตึงเครียด ลมหายใจเขาหนักราวกับกำลังกลืนไฟในอก

               อีกยืนใกล้ ๆ จ้องไปยังทางเข้าออกทุกซอย สายตาเขาแหลมคมเหมือนนักล่าที่ซุ่มรอเหยื่อ แต่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุอก

                    เงาร่างหนึ่งพิงกำแพงมุมตึก มือขวากำปืนแน่นจนข้อซีด ลมหายใจหนักรัวเหมือนจะฉีกอก เงาของเขายืดยาวบนพื้นทาง คล้ายจะลากเจ้าของลงสู่ขุมนรก

                   เสียงวิทยุแตกพร่า “… พร้อมหรือยัง”

                “พร้อม”

                   หัวหน้ามาเฟียนั่งในรถยนต์“เป้าหมาย”แล่นมาข้างหน้า  ไฟหน้าสาดเข้าเป็นลำ กลิ่นน้ำมันคลุ้งผสมไอฝน

                  “เข้ามุม… อย่าให้หลุด”  เสียงดังหนักแน่น

                  เกิดนาทีระทึกมีจักรยานยนต์พุ่งตัดหน้า ยางรถเป้าหมายเบรกกะทันหัน เสียงลื่นก้องสนั่น

                “เปลี่ยนแผน,เปลี่ยนแผน รถสำรอง“  ลูกพี่สั่งทางวิทยุ

                 ไฟหน้ารถอีกคันพุ่งออกจากปั๊ม เสียงเครื่องคำรามสะท้อนกำแพง น้ำกระเซ็นใส่กำแพงดำเปื้อน

                 ฝนหวนกระหน่ำลงอีกระลอก  รถเป้าหมายถูกบีบเข้าซอยแคบเต็มเศษขวดแตก ตามแผน

               “ยิงยาง” คำสั่งก้องดังกระแทกอากาศ

                เสียงปืนปะทุ ยางแตกสะบัด รถโคลงเคลงก่อนหยุดสนิท กลิ่นไหม้คละคลุ้ง

              ”เรียบร้อยแล้ว” เสียงหนึ่งหอบเหนื่อยปลดปล่อย

         ลูกพี่รี่ออกจากมุมมืด ยิ้มมุมปากส่งสัญญาณให้กลับที่ตั้ง

                 แต่เสียงไซเรนกลับดังขึ้นจากทุกทิศ แสงไฟแดง น้ำเงินวูบวาบสะท้อนผนังตึก เจ้าหน้าที่นับสิบโผล่จากเงามืด ปืนจ่อทุกทิศ

              ”ตำรวจ..“

 เขาไม่รีรอ ส่งสัญญาณลูกน้องโต้ตอบเปิดทางหนี

ไม่ต้องไปสนใจศพในรถ

             เสียงปืนโต้กลับดังสนั่น ควันดินปืนฟุ้งคลุ้ง 

             ร่างหนึ่งล้มลง เลือดผสมฝนไหลนอง  ตายคาที่ !

อีกคนถูกกดมัด  ฮึดสู้ ถูกยิงสวน ตายทันที !

             เขาพลาด จนมุมข้างกำแพง พยายามหนี ตำรวจยิงจนทรุด

             ตำรวจประคองเขาออกมาด้านนอก 

             เห็นรถ “เป้าหมาย” ชนกำแพงพังยับยู่ยี่อยู่กับที่    ไฟหน้าเปิดค้าง ควันยังคุกรุ่น คงเผาร่างคนในรถไปหมดแล้ว

            เขาถอนหายใจ  …!

            จ้องรถอีกครั้งเหมือนจะบอกตัวเองว่า

แม้เขาไม่ตาย ก็ไม่ได้แตกต่างเท่าใดกับความตายที่เห็นตรงหน้านี้ !!

              ตำรวจกระแทกให้รีบเดิน…

              ชะเง้อข้างหน้า   เบิกตาโพลงกับศพลูกน้องอีกคน นอนแผ่ราบข้างรถอย่างเอน็จอนาถ  

              เขาถอนหายใจกับลูกน้อง เหมือนแมงเม่าบินตายในกองไฟ รวมทั้งอิสรภาพของเขาที่สูญสิ้น 

             ความเงียบกดทับชั่วครู่ ก่อนแสงไซเรนท้อนเงาของกลุ่มคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์  

            หยุดชงักตกใจเมื่อดวงตาคมกริบจ้องมา   มุมปากเผยอยิ้มเย้ยหยัน  แล้วหมุนตัวกลับหายไปในความมืด….!

          ”หัวหน้ามาเฟีย“  ที่เขาตามฆ่า !

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

เรื่องสั้น “ภรรยาผู้ภักดี”

มีชายคนหนึ่งทำงานมาตลอดชีวิต...  อดออมเงินทุกบาททุกสตางค์  และเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมากเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง  ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต....  เขาบอกกับภรรยาว่า “ที่รัก… ตอนฉันตาย ฉันอยากให้เธอเอาเงินทั้งหมดของฉัน ใส่ลงไปในโลงศพด้วย ฉันอยากเอาเงินของฉันไปใช้ในปรโลก” และเขาก็ทำให้ภรรยาสัญญากับเขา ด้วยหัวใจทั้งหมดของเธอว่า  เมื่อเขาตาย เธอจะเอาเงินทั้งหมดใส่ลงไปในโลงกับเขาจริงๆ ในที่สุดเขาก็เสียชีวิต...  เขานอนอยู่ในโลงอย่างสงบ ภรรยาของเขานั่งอยู่ข้างๆ ในชุดดำสนิท  ข้างๆ กันมีเพื่อนสาวของเธอนั่งอยู่ด้วย เมื่อพิธีศพดำเนินมาจนใกล้เสร็จ....  และก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดฝาโลง  ภรรยาพูดขึ้นว่า...  “เดี๋ยวก่อนค่ะ!”  แล้วเธอก็เดินถือกล่องโลหะใบเล็กๆ ไปวางลงในโลง  ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดฝาโลงและนำโลงศพไป เพื่อนของเธอหันมาพูดด้วยความตกใจว่า... “เธอจะไม่บอกฉันนะ  ว่าเธอโง่พอจะใส่เงินทั้งหมดไปในโลงกับเขาจริงๆ น่ะ?” ภรรยาผู้จงรักภักดีตอบว่า... “ฟังนะ...  ฉันให้สัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะผิดคำพูดไม่ได้  ฉันสัญญากับเขาว่าจะเอาเงินทั้งหมดใส่ลงไปในโลงด้วยจริงๆ” “หมายความว่าเธอเอาเงินทั้งหมดใส่ไปให้เขาจริงๆ น่ะเหรอ?” ภรรยาตอบกลับอย่างเรียบเฉยว่า... “ใช่สิ...  ฉันรวบรวมเงินทั้งหมด โอนเข้าบัญชีของฉัน...

เพื่อนบ้านเลว ?

ในสมัยโบราณของจีน ชาวนาคนหนึ่ง มีเพื่อนบ้านเป็นนายพราน และเลี้ยงสุนัขล่าสัตว์ที่ดุร้าย และ ถูกฝึกมาอย่างดี สุนัขเหล่านี้มักจะกระโดดข้ามรั้ว และไล่ตามฝูงแกะของชาวนา ชาวนาขอร้องให้เพื่อนบ้าน ควบคุมสุนัขของเขา แต่เรื่องนี้ถูกเพิกเฉย

 เรื่องราวสวยงามที่อยากแบ่งปัน…

เรื่องสั้น..ขอให้เรื่องนี้ได้ส่งต่อถึงหัวใจของใครอีกหลายคน ฉันชื่อ เวโรนิก้า อายุ 80 ปี อยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ชั้นบนของร้านขายอุปกรณ์ช่างในไบรตัน ฉันไม่มีอะไรมาก แต่ก็อยู่ได้ มีเงินบำนาญนิดหน่อย เงินเก็บเล็ก ๆ กับสวนกระถางบนระเบียง สะระแหน่ ไธม์ และต้นมะเขือเทศจอมดื้อหนึ่งต้น