วันศุกร์, พฤศจิกายน 7, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกเรื่องสั้น“เอาหวีเหล่านี้ไป… แล้วไปขายให้พระภิกษุให้ได้”

“เอาหวีเหล่านี้ไป… แล้วไปขายให้พระภิกษุให้ได้”

เผยแพร่

spot_img

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…

มีเจ้านายคนหนึ่งอยากทดสอบไหวพริบลูกน้อง จึงยื่นโจทย์ประหลาดว่า

“เอาหวีเหล่านี้ไป… แล้วไปขายให้พระภิกษุให้ได้”

ลูกน้องทั้งหกคนต่างงงงวย เพราะพระภิกษุไม่มีผม แล้วจะเอาหวีไปทำไมกัน?

แต่ถึงอย่างนั้น แต่ละคนก็ออกเดินทางพร้อมหวีในมือ และกลับมาด้วยเรื่องราวที่ต่างกันไป

คนแรก : ผู้ยอมแพ้แต่ต้นทาง

เขาบ่นพึมพำ “เจ้านายบ้าหรือไง พระหัวโล้นหมดแล้ว จะเอาหวีไปขายทำไม”

แล้วก็หันหลังไปดื่มเหล้า นอนหลับ และกลับมาบอกเจ้านายว่า “ขายไม่ได้ครับ”

เจ้านายเพียงยิ้มบาง ๆ เหมือนจะบอกว่า “เรื่องนี้ข้าก็รู้อยู่แล้วละ”

คนที่สอง : ผู้ขายด้วยความสงสาร

เขาไปหาพระแล้วเล่าเรื่องทุกข์ร้อน

“ถ้าขายไม่ได้ ผมคงตกงาน ขอท่านช่วยซื้อสักอันเถอะ”

พระได้ฟังแล้วเกิดเมตตา จึงหยิบเงินซื้อไว้หนึ่งอัน

นี่คือการขายที่ได้เพราะความสงสาร ไม่ใช่เพราะคุณค่าของหวี

คนที่สาม : ผู้มองเห็นประโยชน์

เขาสังเกตเห็นคนที่มาทำบุญ ผมเผ้ายุ่งเหยิง

จึงกล่าวกับพระว่า

“ถ้าวัดมีหวีไว้ให้ญาติโยม หวีผมให้เรียบร้อยก่อนกราบพระ นั่นคือการแสดงความเคารพที่แท้จริง”

พระเห็นด้วย จึงซื้อหวีไว้สิบอัน

คนที่สี่ : ผู้คิดแทนวัด

เขาเสนอว่า “ถ้าวัดมีหวีไว้เป็นของกำนัลแจกผู้มากราบไหว้ ก็จะยิ่งสร้างศรัทธา”

พระพิจารณาแล้วเห็นด้วย ซื้อไว้ถึงหนึ่งร้อยอัน

คนที่ห้า : ผู้เปลี่ยนหวีให้มีคุณค่าทางธรรม

เขาเอ่ยว่า “ถ้าแกะสลักคำสอนลงบนหวี แล้วมอบให้ผู้ศรัทธา ก็จะได้ทั้งของใช้และธรรมะติดตัวกลับไป”

พระยิ้มกว้าง ซื้อไว้ถึงหนึ่งพันอัน

คนที่หก : ผู้แปรเปลี่ยนหวีเป็นของวิเศษ

เขากล่าวเบา ๆ ว่า

“ถ้าท่านปลุกเสกหวีเหล่านี้ให้เป็นเครื่องคุ้มครอง จะกลายเป็นการทำบุญและเผยแผ่ชื่อเสียงวัด

ญาติโยมจะได้ทั้งศรัทธา ทั้งสิ่งมงคลกลับไป”

พระได้ยินแล้วพนมมือสาธุทันที ซื้อไว้หนึ่งหมื่นอัน และตั้งชื่อว่า

“หวีสั่งสมความดี หวีคุ้มครองปลอดภัย”

หวีธรรมดา จึงกลายเป็นเครื่องรางยอดนิยมในเวลาไม่นาน

บทสรุปของนิทาน

คนแรกยอมแพ้เพราะติดกรอบความคิดเดิม ๆ 

คนที่สองขายด้วยความสงสาร ซึ่งอยู่ได้ไม่นาน 

คนที่สามและสี่ คิดเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น จึงได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น 

คนที่ห้า สร้างคุณค่าทางจิตใจให้สินค้า 

คนที่หก พลิกของธรรมดาให้กลายเป็นของวิเศษ 

นิทานนี้สอนเราว่า โจทย์ยากแค่ไหน ก็ยังมีหลายหนทางแก้ไขได้

หากเราไม่หยุดที่คำว่า “เป็นไปไม่ได้” แต่ลองคิดให้กว้างและลึก บางทีผลลัพธ์อาจยิ่งใหญ่กว่าที่เราคาดไว้เสียอีก

Cr: ห้องทำมะทำโม

ข่าวล่าสุด

วิกฤตความน่าเชื่อถือข้าราชการการเมืองไทย

การที่ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในทีมงานของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้รับมอบอำนาจทางกฎหมายจาก นายเบน สมิท (Benjamin Mauerberger) เพื่อยื่นฟ้องหมิ่นประมาท สส. รังสิมันต์ โรม

รัฐบาลประกาศเดินหน้าปราบสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ

รัฐบาลจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ผ้าม่วงทึ่ใช้นุ่งโจงกระเบนในสมัยก่อนนั้น เหตุใดจึงเรียกว่าผ้าม่วง

สาเหตุที่เรียกผ้าม่วงก็เพราะผ้าไหมชนิดนี้สั่งทำมาจากเมืองจีน เป็นผ้าที่ทอมาจากโรงงานในเมือง "หม่วง" ในมณฑลเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน

“เมืองน้ำที่หลงลืมตัวเอง”

ประเทศไทยเคยเป็นเมืองที่เข้าใจน้ำ เราอยู่กับมันได้อย่างคึกคักและงดงามราวบทเห่ของดินฟ้า เราปลูกข้าวตามน้ำ เราไปมาหาสู่กันโดยล่องเรือตามน้ำ และเราสร้างบ้านเผื่อให้น้ำเข้ามาทักทายได้ทุกปี

ข่าวอื่นๆ

เพื่อนบ้านเลว ?

ในสมัยโบราณของจีน ชาวนาคนหนึ่ง มีเพื่อนบ้านเป็นนายพราน และเลี้ยงสุนัขล่าสัตว์ที่ดุร้าย และ ถูกฝึกมาอย่างดี สุนัขเหล่านี้มักจะกระโดดข้ามรั้ว และไล่ตามฝูงแกะของชาวนา ชาวนาขอร้องให้เพื่อนบ้าน ควบคุมสุนัขของเขา แต่เรื่องนี้ถูกเพิกเฉย

 เรื่องราวสวยงามที่อยากแบ่งปัน…

เรื่องสั้น..ขอให้เรื่องนี้ได้ส่งต่อถึงหัวใจของใครอีกหลายคน ฉันชื่อ เวโรนิก้า อายุ 80 ปี อยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ชั้นบนของร้านขายอุปกรณ์ช่างในไบรตัน ฉันไม่มีอะไรมาก แต่ก็อยู่ได้ มีเงินบำนาญนิดหน่อย เงินเก็บเล็ก ๆ กับสวนกระถางบนระเบียง สะระแหน่ ไธม์ และต้นมะเขือเทศจอมดื้อหนึ่งต้น

เรื่องสั้น “คืนฝนตก”

เรื่องสั้น “คืนฝนตก” ฝนเพิ่งซา ชายหนุ่มผลักประตูไม้เก่าของร้านกาแฟ เสียงกระดิ่งดังแผ่ว ๆ น้ำจากร่มหยดลงพื้นไม้เป็นทาง กลิ่นฝนปนกลิ่นไม้เก่าลอยเข้าจมูก ชายชราเจ้าของร้านยืนใกล้ประตู ก้มหัวให้ก่อนผายมือไปทางเก้าอี้