ก็ปรากฏว่าจำอะไรไม่ได้เลย เพราะแฟชั่นโชว์ยังไม่เกิดที่บ้านเราเอาเสียเลย
๖๘ ปีมาแล้ว บ้านเราเงียบสงัดนะครับ ยังเชยแสนเชย ที่โทรทัศน์ขาวดำเพิ่งเริ่มมีเพียงช่องเดียวคือช่องสี่บางขุนพรมในปีพ.ศ.๒๔๙๘ และเพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ของปชช.ที่จะมีตู้โทรทัศน์ ซึ่งฉายคืนละสี่ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ประชาชนของทั้งประเทศมีเพียง ๒๐ กว่าล้านคน (ในปัจจุบัน ๗๑ ล้านคน) …
รถรางยังวิ่งกันทั้งเมือง ตุ๊ก ตุ๊กก็ยังไม่ทันเกิด มอเตอร์ไซด์แทบไม่มีเลย มีก็แต่รถจักรยาน ที่มีมากที่สุดคือรถสามล้อ
หนังสือพิมพ์ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ฉะบับ นิตยสารปกอาบมันก็เหมือนกัน …เพราะฉะนั้นเราไม่มีข่าวคราวอะไรกันมากมายนัก โดยเฉพาะข่าวแฟชั่น เพราะเราไม่มีดีไซเนอร์หนึ่งใดที่ติดตลาดในระดับโด่งดังเป็นจริงเป็นจัง มีเพียงท่านแรกและท่านเดียวของสมัยนั้น ก็คือม.จ.ไกรสิงห์ วุฒิชัย
ฉะนั้นตามอายุขัยของข้าพเจ้าซึ่งจะครบ ๘๒ ปีในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะมาถึง จึงขอเรียนว่าปี พ.ศ. ๒๕๐๐ นั่นแหละ ที่บ้านเรามีแฟชั่นโชว์ หรือใช้คำว่า”แฟชั่นโชว์”เป็นครั้งแรก
หรือครั้งแรกที่เรา ๆ ได้ยินคำว่า”แฟชั่นโชว์” ก็คืองานมอบรางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกของบ้านเรา ที่ลุมพินีสถาน …ในปีนั้น
งานนี้ดังมาก ดังมโหฬาร ประการแรกเพราะมันเป็นงานแรกของตุ๊กตาทอง
และแฟชั่นโชว์แรกสุดของหม่อมเจ้าไกรสิงห์ วุฒิชัยด้วยเสร็จสรรพ แสดงแบบโดยดาราภาพยนตร์สวยงามที่สุดของตอนนั้น ๔ คน คือวิไลวรรณ วัฒนพาณิชย์ ผู้ชนะเลิศจาก”สาวเครือฟ้า” งามตา ศุภพงศ์ นางเอกของ”ชั่วฟ้าดินสลาย” ประภาพรรณ นาคทอง/หญิงเล็กคนแรกของ”บ้านทรายทอง” และเยาวนารถ ปัญยโชติ นางรองของรักริษยา …หนึ่งในสี่ของนักแสดงไทยในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง”สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ซึ่งก็ออกฉายในปีพ.ศ. ๒๕๐๐
ในขณะที่แฟชั่นโชว์ที่เวทีตุ๊กตาทองดังกล่าวที่สวนลุมพินีสถาน ก็เดินกันเพียงชุดเดียว ก็คือชุดที่แต่งกันในคืนนั้นนั่นแหละ กล่าวคือมันก็ยังไม่เป็นแฟชั่นโชว์เป็นจริงเป็นจังอยู่ดี
แต่ที่กำลังดังในวงสังคมชั้นสูง เรียกง่าย ๆ ว่าเราส่วนมากเข้ากันไปไม่ถึง คือแฟชันโชว์ระบบ exclusive คราวนี้แทบเป็นจริงเป็นจัง จัดเสนอและแสดงโดยลูกท่านสามเธอสามคน อันมีคุณพัฒศรี บุนนาค …ม.ร.ว.สุพินดา จักรพันธุ์ และม.ล.เทพิน จาตุรจินดา ในแฟชั่นแบรนด์เนมจากเมืองนอก จัดกันในสโมสรหรูหราสำหรับสมัยนั้นตอนเวลาน้ำชา
ในขณะที่คำว่าไฮโซฯยังไม่เกิด ในสมัยนั้นเราเรียกไฮโซฯกันว่าเป็น”ดาวสังคม”
แต่แฟชั่นของเราจะมาแรงมากเพราะสมาชิกของราชวงศ์ดั่งม.จ.ไกรสิงห์ …ประกบไปกับนางหงส์ไทยในขณะนั้น/สามใบเถาลูกท่านหลานเธอ/สามเกลอดังกล่าวที่ร่วมกันสร้างข่าวแฟชั่น …
เพราะแฟชั่นประจำวันของบ้านเราในตอนนั้น
คุณเอ๋ย …ว่ากันตรง ๆ ก็คือแฟชั่นแสนเฉิ่ม(คำนี้ก็ยังไม่เกิดในตอนนั้น) …เพราะอย่าลืมว่าเรายังไม่มีห้างสรรพสินค้า บูทิ้ค อาจมีห้องเสื้อวิเศษโด่งดังหรูหราดั่ง”กรแก้ว”แต่ดีไซเนอร์ของที่นั่น/คุณหญิงอุไร ไม่เคยจัดแฟชั่นโชว์
ฉะนั้นตลาดใหญ่ที่สุดของเสื้อผ้าของผู้คนธรรมดา ๆ ก็คือสะพานหัน ในเมื่อเรายังไม่มีแฟชั่นสำเร็จรูปขายกันเกลื่อนเหมือนปัจจุบัน
ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องของการซื้อผ้า แล้วสั่งตัดที่ร้านตัดเสื้อ
ซึ่งบางร้านจะเริ่มการสอนการตัดเย็บ …คอร์ส์ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือน ๆ แล้วจะมีการแจกปริญญาบัตรเมื่อจบการศึกษา …นั่นแหละคือแฟชั่นโชว์ระดับมาตรฐานของบ้านเรา …ก่อนการเกิดของห้องเสื้อ”เดซีเร่”ของท่านชายไกรสิงห์
เพราะนักศึกษาจะมารับปริญญาในชุดที่ตนตัดเย็บ/ออกแบบเองทั้งหมด เพื่อแสดงความสามารถของตน ก็จะเดินออกไปรับปริญญาในชุดดังกล่าว แล้วก็จะถ่ายภาพหมู่ในชุดนั้นด้วย …และนั่นคือแฟชั่นโชว์ที่ผมว่าสุดเฉิ่มแบบเดียวของบ้านเรา …ก่อนคืนแจกตุ๊กตาทองในปีพ.ศ. ๒๕๐๐
ท่านชายไกรสิงห์จะทรงเสนอแฟชั่นโชว์งานตุ๊กตาทองครั้งที่สอง …ที่ท่านเองทรงรับตุ๊กตาทองจากการออกแบบเครื่องแต่งกายให้แก่ภาพยนตร์เรื่อง”รักริษยา” ปีนั้นคุณอาอมรา อัศวนนท์ บุรานนท์ ชนะเลิศจากบทของ”ปัทมา”ในรักริษยา
จึงมาถึงแฟชั่นโชว์ของท่านชายทางโทรทัศน์ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยพอควรทีเดียว ในโทรทัศน์ขาวดำ แต่ก็ยังแสดงแบบกันโดยดาราภาพยนต์และทีวีของสมัยนั้นอยู่ดี
หรืออาชีพนางแบบยังไม่ทันเกิดที่บ้านเรา
ดั่งภาพประกอบ อันมี จากซ้าย ท่านแรกผมจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ถัดไปคือสุทิน ผมจำนามสกุลไม่ได้ …แต่ต่อจากนั้นคือประภาพรรณ นาคทอง วิไลวรรณ วัฒนพาณิชย์ สวลี ผกาพันธุ์ สุพรรณ บูรณพิมพ์ เกศริน ปัทมวรรณ และบุศรา นฤมิตร หากผมจำผิดจำถูก ก็บอกกันมานะครับ
แต่นั่นแหละคือแฟชั่นโชว์ที่โด่งดังแรกสุดของบ้านเรา ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น
หรือทำไปทำมา …นั่นคือประวัติทั้งหมดของแฟชั่นโชว์ของบ้านเรา เริ่มในปีค.ศ. ๒๕๐๐
สุขสันต์วันศุกร์นะครับ ทุก ๆ ท่าน
( Cr: Kiccha Buranond )