จีนกำลังเร่งขยายตลาด “เศรษฐกิจผู้สูงวัย” (Silver Economy) อย่างเข้มข้น เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อใหม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและผลกระทบจากสงครามการค้า โดยกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมีจำนวนมากกว่า 300 ล้านคน กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักที่ขยายการใช้จ่ายในสินค้าและบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น การดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ตัวอย่างของผู้สูงวัยที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายคือ หวัง ซูหยุน ข้าราชการเกษียณวัย 78 ปีในปักกิ่ง ที่ลงทุนในคอร์สโภชนาการและสินค้าแบรนด์ดัง รวมทั้งนมนำเข้าจากนิวซีแลนด์ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการจับจ่ายที่มีคุณภาพและเน้นสุขภาพมากขึ้น
รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายหลายฉบับตั้งแต่ปี 2021 ภายใต้กรอบ “ยุคใหม่ของผู้สูงอายุ” เพื่อส่งเสริมบริการด้านอาหาร สุขภาพ การเงิน และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัยอย่างครบวงจร พร้อมวางเป้าหมายเชื่อมโยงตลาดผู้สูงวัยกับแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนและการบรรลุเป้าหมาย Net Zero
จากข้อมูลของ Euromonitor International พบว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีหัวหน้าครอบครัวอายุ 60 ปีขึ้นไป จะเติบโตถึง 129% ระหว่างปี 2015–2025 สูงกว่าการเติบโตของภาพรวมประชากรทั้งประเทศ ขณะที่คาดการณ์ในปี 2040 กลุ่มนี้จะใช้งบประมาณคิดเป็น 34% ของการใช้จ่ายทั้งหมด
ธุรกิจเทคโนโลยีและสุขภาพของจีนตอบสนองต่อโอกาสนี้อย่างรวดเร็ว เช่น บริษัท Lao Feng Xiang พัฒนาแว่น AI สำหรับผู้สูงวัย ช่วยในการอ่านฉลากยาและสนทนาเพื่อลดความเหงา Xiaomi ปรับสมาร์ตโฟนและสมาร์ตทีวีให้รองรับผู้สูงวัย รวมถึงการพัฒนาระบบสมาร์ตโฮมที่ให้ลูกหลานสามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านจากระยะไกล
นโยบายชาติอย่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 และโครงการ Beautiful China 2025 ผนวกประเด็นสังคมผู้สูงวัยเข้ากับเป้าหมายลดคาร์บอน และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว การพัฒนาเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดมลพิษสอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero และการเติบโตอย่างยั่งยืน
รายงานจาก OECD และ UNEP ชี้ว่าโครงสร้างประชากรที่สูงวัยขึ้นจะสนับสนุนพฤติกรรมบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ลดการใช้จ่ายในสินค้าพื้นฐานและหันมาใช้จ่ายด้านวัฒนธรรม สุขภาพ และการท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี telemedicine และ Smart Home ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ลดการเดินทาง ลดการใช้ทรัพยากร และลดมลภาวะอย่างมีประสิทธิภาพ
องค์กรสาธารณสุขโลก (WHO) ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในระบบสุขภาพที่ยั่งยืนและคาร์บอนต่ำเพื่อรองรับความเปราะบางของผู้สูงอายุ ทั้งยังส่งเสริมมาตรการส่งเสริมสุขภาวะและสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่น ที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศและอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยลดความต้องการใช้บริการรักษาที่มีคาร์บอนฟุตพรินท์สูง
จีนจึงกำลังเดินหน้าผสานตลาดผู้สูงวัยกับนวัตกรรมด้านสุขภาพและเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและ Net Zero ที่ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเตรียมรับความท้าทายของสังคมสูงวัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต