10 กันยายน 2568 ความไม่พอใจของ #คนรุ่นใหม่ในเนปาล ปะทุจนควบคุมไม่อยู่ เมื่อกลุ่มผู้ประท้วง #GenZ จุดไฟเผาอาคารสำคัญทางการเมือง ทั้ง #รัฐสภาเก่า และ #ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ใน #กรุงกาฐมาณฑุ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศ #เคอร์ฟิว ครอบคลุมกรุงกาฐมาณฑุ, #ลลิตปุระ และ #ภักตปุระ อย่างเร่งด่วน เมื่อเหตุจลาจลลุกลามจนมีผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างน้อย 19 ราย
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กาฐมาณฑุ ประกาศแจ้ง “เตือนคนไทยให้งดออกนอกที่พักอาศัย” ใน 3ช่วงเคอร์ฟิว ทั้งแนะนำเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม เนื่องจากการเดินทางในกรุงกาฐมาณฑุแทบเป็นไปไม่ได้ หลายเส้นทางถูกตัดขาด ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปถึงสนามบิน ขณะที่สภาพอากาศเลวร้ายยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์
รายงานระบุว่า ผู้ประท้วงได้บุกเผาอาคาร สำนักข่าวคันติปุระ พับลิเคชั่นส์ หนึ่งในสื่อกระแสหลักของประเทศ โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีจุดยืนชัดเจนเพื่อ #ต่อต้านรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต และที่สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงคือการ #สั่งบล็อกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น Facebook, Instagram, YouTube และ X (Twitter)
ความรุนแรงขยายวงกว้างไปถึงการ #ทำร้ายบุคคลทางการเมือง และครอบครัวของพวกเขา นายบิชณุ ปราสาท โปเดล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถูกกลุ่มผู้ประท้วงทำร้ายร่างกายและลากตัวไปประจานกลางเมือง ขณะที่ นางราชยาลักษมี จิตราคาร์ ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี จฮาลานาธ คานาล ถูกจับขังและเผาเสียชีวิตในบ้านพักของตนเอง
ในเวลาเดียวกัน นายเค.พี. ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศลาออก และเร่งเดินทางออกนอกประเทศท่ามกลางความโกรธแค้นของประชาชนที่โหมกระหน่ำ
แต่การประท้วงใน ยังปะทุรุนแรงจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อ #กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็น #คนรุ่นใหม่#GenZ ได้บุกล้อมบ้านพักของ นายจฮาลานาธ คานาล อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เมืองดัลลู โดยจับภรรยาของเขา นางราชยาลักษมี จิตราคาร์ ขังไว้ภายในบ้าน แล้วจุดไฟเผาอย่างโหดร้าย
แม้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านจะพยายามเข้าช่วยเหลือและนำตัวนางจิตราคาร์ส่งโรงพยาบาล แต่เธอทนพิษบาดแผลจากไฟคลอกไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา สร้างความสะเทือนใจอย่างหนักต่อสังคมเนปาลและนานาชาติ
กลุ่มผู้ประท้วงยังขยายเป้าหมายไปยัง #ครอบครัวนักการเมือง ระดับสูง โดยมีรายงานว่า ครอบครัวของ นายเอ็น.พี. ซาอุด #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับการคุกคาม ขณะที่ใน #กรุงกาฐมาณฑุ มีคลิปเผยแพร่ชัดเจนว่า นายพิษนุ ปราสาด เพาเดล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วัย 65 ปี ถูกผู้ชุมนุมวิ่งไล่ เตะและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์นี้ปะทุขึ้นหลังจาก นายเคพี ชาร์มา โอลี ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสไม่พอใจ #การทุจริตในรัฐบาล และมาตรการ #ควบคุมเข้มงวดต่อการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ที่ถูกมองว่าเป็นการ #ปิดกั้นเสรีภาพ
อีกทั้ง กลุ่มผู้ประท้วงลุกฮือจุดไฟเผาอาคารที่ตั้งของสำนักข่าวใหญ่ที่สุดของเนปาล ในกรุงกาฐมาณฑุ ยังคงดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่สอง วานนี้ อาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งของ Kantipur Publications ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ Kantipur และ The Kathmandu Post ทั้งยังเป็นที่ตั้งของธุรกิจและสำนักงานต่าง ๆ อีกหลายแห่งในเชิงพาณิชย์
สาเหตุของวิกฤติ : การลุกฮือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการระเบิดความไม่พอใจที่สะสมมานานจากสองประเด็นหลัก
#เสรีภาพทางดิจิทัลถูกปิดกั้น : คนรุ่นใหม่พึ่งพาโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน เมื่อรัฐบาลบล็อกการเข้าถึงจึงถูกตีความว่าเป็นการปิดกั้นสิทธิขั้นพื้นฐาน
#การทุจริตเชิงโครงสร้าง : กระแส “Nepo Kid” เปิดโปงการใช้ชีวิตหรูหราของลูกหลานนักการเมือง ท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ
การแบนโซเชียลฯ กลายเป็นชนวนที่จุดไฟแห่งความไม่พอใจ จนลุกลามเป็น วิกฤติการเมืองและสังคมครั้งใหญ่ที่สุดของเนปาลในรอบหลายปี