วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHTสด ๆ ร้อน ๆ กับวิกฤตศรัทธารัฐบาลใหม่  ที่มีข้อเสนอ 40 ล้าน แลกไม่จับคอลเซ็นเตอร์

สด ๆ ร้อน ๆ กับวิกฤตศรัทธารัฐบาลใหม่  ที่มีข้อเสนอ 40 ล้าน แลกไม่จับคอลเซ็นเตอร์

เผยแพร่

spot_img

 สะท้อนธรรมาภิบาลที่ต้องพิสูจน์ทันที

                          การแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่เมื่อวันที่ 29–30 กันยายน 2568 ถูกบดบังด้วยประเด็นร้อน เมื่อนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลุกขึ้นเปิดเผยในที่ประชุมรัฐสภาว่า มีการเสนอเงินสินบนมูลค่าสูงถึง 40 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ 

                         เรื่องนี้ไม่เพียงกระทบความน่าเชื่อถือของรัฐบาล แต่ยังเข้าข่ายความผิดอาญาที่ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

                         การเปิดเผยของรัฐมนตรีดีอี สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อการเมืองและระบบยุติธรรม เนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาที่สะท้อนการดำรงอยู่ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งมีอิทธิพลเพียงพอที่จะพยายามซื้อความเงียบจากรัฐผ่านการจ่ายสินบนมหาศาล ความผิดลักษณะนี้เข้าข่าย “ติดสินบนเจ้าพนักงาน” ตามประมวลกฎหมายอาญา และตามหลักกฎหมาย รัฐมนตรีผู้ได้รับข้อมูลย่อมมีหน้าที่ต้องส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที

                          กรณีดังกล่าวยังนำไปสู่การเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐมีมติเรียก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ฯ  สะท้อนแรงกดดันจากสังคมที่ตั้งคำถามถึงท่าทีของฝ่ายบริหาร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังถูกมองว่ามีความล่าช้าและขัดแย้งกับนโยบาย “ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์” ที่เพิ่งประกาศชั่วข้ามคืน

                           นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งรัดปฏิบัติการในเชิงบูรณาการ ทั้งการติดตามเส้นทางการเงินโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การตรวจสอบธุรกรรมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  รวมถึงการใช้ศักยภาพของหน่วยข่าวกรองและตำรวจไซเบอร์ เพื่อสืบสวนตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติไปจนถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง 

                           การดำเนินการที่ชัดเจนและโปร่งใสจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่ารัฐบาลใหม่มีเจตจำนงทางการเมืองจริงจังเพียงใดในการแก้ไขปัญหาที่เป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ

                           ในมุมเชิงสัญลักษณ์ เหตุการณ์นี้กลายเป็นบททดสอบแรกสุดของธรรมาภิบาลรัฐบาลชุดใหม่ หากมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา รัฐบาลอาจฟื้นศรัทธาและสร้างความเชื่อมั่นได้ แต่หากปล่อยให้เรื่องเงียบหาย จะไม่เพียงแต่บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนเท่านั้น แต่ยังอาจสะท้อนว่าคำแถลงนโยบายในสภาเป็นเพียง “คำพูดที่ไม่มีการปฏิบัติ” ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองในระยะยาว

                         ในบรรดานโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่เอี่ยมถอดด้าม บางทีอาจต้องเพิ่มอีกหนึ่งข้อพิเศษ  “นโยบายตามล่าผู้เสนอ 40 ล้าน” เพราะจำนวนเงินมหาศาลนี้ไม่ใช่เพียงสินบน หากแต่กลายเป็นบทพิสูจน์ความโปร่งใสของผู้มีอำนาจที่ประชาชนกำลังจับตาอยู่ทุกฝีก้าว และคงไม่มีใครอยากเห็น “เบนจามิน” กลายเป็นคาถาที่ทำให้รัฐมนตรีหายไปจากบัลลังก์ในเวลาสำคัญอีกต่อไป

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ "ศูนย์หลอกลวงออนไลน์" ในกัมพูชา