วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img

“ต้อง..หนี!”

เผยแพร่

spot_img

23.00 

                             แสงดิจิทัลฉายตัวเลขบนผนัง  คือสิ่งแรกที่ชายหนุ่มมองเห็น 

                             มันคือสัญญาณของการเริ่มต้น….!

                             เขายันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแข็ง ๆ โดยที่หัวใจเริ่มเต้นเร็วกว่าปกติแล้ว ไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก ไม่มีแสงแดดรอดผ่านม่านหนาทึบ มีเพียงความเงียบงันที่บีบอัดอยู่ในอพาร์ตเมนต์แคบ ๆ แห่งนี้ และ ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาในสมองของเขาทันที

                              ต้องหนี… !

                             หนีให้ทันก่อน 23.15 น. 

                             นั่นคือกฎเดียวที่ชีวิตของเขายึดถือมาโดยตลอด 

                เขาไม่รู้ว่าทำไม ไม่รู้ว่ากำลังหนีอะไร แต่ความกลัวที่เย็นยะเยือกนั้นรุนแรงกว่าเหตุผลใด ๆ

               ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ตัวสั่นเทาเล็กน้อย  มองไปยังมุมห้องตรงข้าม มีรอยบุบเล็ก ๆ ที่ผนัง ซึ่งจำได้ดีว่าเกิดจากแรงอัดของศีรษะเขาเองใน “รอบ” ที่แล้ว

               เขาคว้าเสื้อยืดสีดำตัวเดิมมาสวมอย่างรวดเร็ว กุญแจรถที่แขวนอยู่บนตะขอถูกหยิบมาด้วยสัญชาตญาณ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีประโยชน์ 

              เข็มวินาทีบนนาฬิกาข้อมือแบบเข็มที่เขาใส่ตลอดเวลาหยุดนิ่งที่ตำแหน่ง 23.15 น. เสมอ เป็นเครื่องเตือนใจถึงจุดสิ้นสุดที่รออยู่

23.05 

                เขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ  ไม่พยายามเปิดไฟ เพราะแสงสว่างทำให้ภาพหลอนชัดเจนขึ้น 

                เขาวิ่งไปที่ประตูบานเดียวของห้อง มือแตะที่ลูกบิดเย็นเฉียบ  สูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะบิดมันและผลักออกไป

                โถงทางเดินว่างเปล่า ไฟนีออนสีเหลืองกะพริบถี่ ๆ เหมือนดวงตาที่กำลังป่วยไข้ กลิ่นอับชื้นและกลิ่นไหม้จาง ๆ เป็นเพื่อนของเขาเสมอ 

               เขาวิ่งลงบันไดวนด้วยความเร็วสูงสุด รองเท้ากระทบขั้นบันไดไม้เก่าส่งเสียงดัง ตึง! ตึง! ตึง! จนน่าจะปลุกใครก็ตามที่อาจจะอาศัยอยู่ที่นี่ให้ตื่นได้ 

               แต่ที่นี่ไม่เคยมีใครนอกจากเขา

                เขามาถึงประตูทางออกชั้นล่างสุดอย่างหอบหนัก มือที่เปียกชื้นของเขากำลูกบิดโลหะไว้แน่น เขามองกลับไปที่ทางขึ้นบันได

               มืดมิดและเงียบงัน

23.14 

               เหลืออีกแค่นาทีเดียว!

                                  เขาผลักประตูทางออกออกไปอย่างแรง แสงสลัว ๆ จากเสาไฟด้านนอกสาดเข้ามาปะทะใบหน้า เขาสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นชื้น และได้ยินเสียงแมลงหวี่หึ่ง ๆ นั่นคืออิสรภาพ

แชะ!

                                  จู่ ๆ ทุกสิ่งรอบตัวก็หยุดนิ่ง เสียงแมลงหวี่หายไป แสงสว่างจางลง แล้วภาพก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

                                 เขารู้สึกเหมือนถูกดูดกลับเข้าไปในความมืดมิด เมื่อความรู้สึกทั้งหมดกลับมาที่เวลา 23.00 น.  ก็ปรากฏขึ้นบนนาฬิกาดิจิทัลบนผนังอีกครั้ง

                                  เขานั่งทรุดอยู่บนพื้นห้อง กุญแจรถหลุดจากมือ กลิ้งไปกระทบกับเท้าเปล่าของเขา รอบกายเงียบงันไร้ที่ติ ที่โต๊ะข้างหัวเตียง แก้วน้ำใสสะอาดตั้งอยู่โดยไม่มีรอยร้าวใด ๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ทุบมันเพื่อระบายความโกรธ

                                 ก้มลงมองมือตัวเอง ไม่มีบาดแผล จากการทุบกระจก แต่เขาสังเกตเห็น รอยเปื้อนสีสนิมจาง ๆ ที่ยังคงติดอยู่ที่ซอกเล็บ เหมือนกับว่าเขาเพิ่งทำความสะอาดบางสิ่งบางอย่างอย่างลวก ๆ ไป

                                   จู่ ๆ… เสียงกระซิบแหบพร่า ดังลอดออกมาจากผนังห้องตรงหน้าเขา

                                “คุณจะ… ไปไหน…”

                                  มันไม่ใช่คำถาม แต่มันคือการย้ำเตือน

เขาไม่ตอบ เขาเพียงแค่สวมเสื้อยืดสีดำตัวเดิม หยิบกุญแจรถ และเตรียมพร้อมสำหรับ “รอบ” ที่กำลังจะมาถึง

23.00 น.

               แสงสีแดงวาบบนผนังอีกครั้ง ไม่วิ่งหนี เขาเหนื่อยเกินไปที่จะหลอกตัวเองซ้ำ ๆ คืนนี้เขาเลือกวิธีการที่ต่างออกไป  คือการทำลาย

                                 “ถ้าฉันหนีไม่ได้… ก็ไม่มีอะไรต้องเหลืออยู่”

2305 น.

                                   เขาตรงไปที่ลิ้นชักตู้ครัว คว้า มีดทำครัว เล่มใหญ่ขึ้นมา มันเย็นเฉียบและหนักมือ 

                ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดไหลผ่านร่างกาย เขาจ้องมองใบมีดที่วาววับ จากนั้นก็เริ่มกรีดลงบนผนังห้องด้วยแรงทั้งหมด

                                  “ฆ่า!”

                เขาจงใจเขียนคำนั้นซ้ำ ๆ ด้วยปลายมีด จนฝุ่นผงของยิปซัมร่วงกราวลงบนพื้น เป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความบ้าคลั่งที่เขากำลังเผชิญ 

                เขาทุบหลอดไฟนีออนในห้องน้ำจนแตกละเอียด แล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงในโถชักโครกเพื่อทำลายเครื่องมือแห่งเวลา

23.14 น.

                 เสียงกระซิบที่คุ้นเคยเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง

                            “คุณกำลังทำลาย….”

                 เขาไม่สนใจ เขายืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังที่เขาสร้างขึ้นมา ยิ้มเยาะให้กับนาฬิกาดิจิทัลที่ใกล้จะถึงจุดจบของมัน

แชะ!

                การสั่นสะเทือนมาถึงอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความสงบ 23.00 น. ก็ปรากฏขึ้นบนผนังอีกครั้ง

               ทรุดตัวลงมองรอบห้อง ผนังกลับมาเรียบเนียน โทรศัพท์วางอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ หลอดไฟในห้องน้ำยังคงส่องแสงตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

               แต่คราวนี้มีบางอย่างที่ต่างออกไป ที่กลางโต๊ะเล็ก ๆ ซึ่งปกติจะวางแก้วน้ำไว้ มี ภาพถ่ายโพลารอยด์เก่า ๆ วางอยู่ 

              มันเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ดวงตาของเธอเบลอจนมองไม่เห็นแววใด ๆ  

              เขาไม่รู้จักเธอ แต่ใบหน้าของเธอนั้น… คุ้นเคยจนน่าขนลุก

              เอื้อมมือไปจับภาพถ่ายนั้น และสัมผัสได้ถึง ความเหนียวหนืดเล็กน้อย ที่มุมภาพ เขาพลิกมันดูด้านหลัง ไม่มีข้อความใด ๆ ยกเว้นรอยนิ้วมือสีแดงสนิมจาง ๆ ที่ป้ายอยู่

                                ทันใดนั้น เสียงกระซิบก็ดังขึ้น ข้างหู ของเขาอย่างชัดเจน ไม่ใช่จากผนัง

                            “อย่าทิ้งฉันไว้ที่นั่น…”

             เขาสะดุ้งสุดตัว เขาปล่อยภาพถ่ายลงบนพื้น และรีบวิ่งไปที่กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ 

            เขามองดูใบหน้าของตัวเอง ที่ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว

           แต่เหนือไหล่ของเขาในภาพสะท้อน… มีเพียงความมืดมิด ไม่มีร่างใด ๆ ยืนอยู่เบื้องหลัง แต่เขาเห็น รอยเลือดจาง ๆ ติดอยู่ที่แก้มของเขา มันเป็นรอยป้ายขนาดเล็กที่เพิ่งเกิดขึ้น

          เขาเช็ดรอยเลือดนั้นออกอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปมองภาพถ่ายบนพื้น

23.00 

                      การเริ่มต้นรอบใหม่ไม่ทำให้เขาตกใจอีกต่อไป 

                      ความเหนื่อยล้าได้กลืนกินความหวาดกลัวไปแล้ว คืนนี้เขาตัดสินใจที่จะ ไม่หนี และ ไม่ทำลาย เขาจะเผชิญหน้ากับความจริงที่ซ่อนอยู่หลังเวลา 23.15 น.

                      เขาหยิบภาพถ่ายโพลารอยด์ขึ้นมาอีกครั้ง จ้องมองใบหน้าของผู้หญิงในภาพอย่างตั้งใจ เขาพยายามจดจำ พยายามเชื่อมโยง

23.15 น.

                      เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ใช่เสียงของความพยายามเตือนอีกต่อไป 

                      แต่มันคือ ความโกรธ และ ความเศร้า

                      เขากำภาพถ่ายไว้แน่นจนกระดาษยับยู่ยี่ เขาเดินไปยืนกลางห้อง หันหน้าเข้าหานาฬิกาดิจิทัลที่กำลังนับถอยหลัง เขารู้สึกเหมือนอากาศในห้องกำลังเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ กลิ่นไหม้จาง ๆ ที่เคยได้กลิ่นเสมอ เริ่มมีกลิ่น คาวเลือด ปะปนเข้ามา

23.14 น.

                    เสียงกระซิบสุดท้ายก่อนจุดจบดังลั่นในหูของเขา เป็นประโยคเดียวที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา

                    “…………………….”

เวลานั้น…มาถึง

                    วินาทีที่เวลาเปลี่ยนเป็น 23.15 น. โลกของเขาก็แตกสลาย

                    อพาร์ตเมนต์ที่เคยสะอาดสะอ้านบิดเบือนไปทันที แสงไฟสีเหลืองนวลดับลง

                    เหลือเพียงแสงสีแดงฉานจากไฟฉุกเฉินภายนอกที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เผยให้เห็นห้องที่เต็มไปด้วยความพังทลาย       

                  ผนังมีรอยแตกร้าวและคราบสีน้ำตาลเข้ม

                  เขามองลงไปที่มือของตัวเอง ที่ไม่ได้ว่างเปล่าอีกแล้ว แต่กำลังถือ มีดทำครัว ที่เปื้อนเลือดอย่างหนัก

                  มือของเขาสั่นเทา  เขาค่อย ๆ หันไปตามสัญชาตญาณ และมองเห็น 

                  ร่างของผู้หญิงในภาพถ่าย นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้อง พรมสีเทาเข้มเต็มไปด้วยรอยเลือดสาดกระจาย เธอสวมชุดนอนสีขาวที่ตอนนี้แดงฉาน ดวงตาของเธอเปิดกว้าง จ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า

                 เขาคือฆาตกร..ใช่ไหม ?

            … และนี่คือช่วงเวลาที่แท้จริงของการก่ออาชญากรรมที่สมองของเขาสร้าง วงจรเวลาซ้ำซ้อน เพื่อหลบหนีความจริง

                เสียงหัวเราะบ้าคลั่งหลุดออกมาจากลำคอของเขา เขาไม่พยายามหนีอีกต่อไปแล้ว เขาก้มลงมองร่างนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจที่บิดเบี้ยว

แชะ!

                โลกสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง เลือดและร่างของเหยื่อหายไป มีดในมือกลายเป็นภาพหลอน

23.00 

เหมือนกลับมาตั้งต้นใหม่..

                เขายืนอยู่กลางห้องที่สะอาดสะอ้านอีกครั้ง เขาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง จากนั้นก็ยิ้มอย่างช้า ๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

                เขาไม่หยิบกุญแจรถ เขากลับเดินไปที่ลิ้นชักตู้ครัวอย่างตั้งใจ 

                และหยิบมีดทำครัวเล่มเดิมออกมาถือไว้

               เขาเงยหน้ามองนาฬิกาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

            “ไม่เป็นไร… คราวนี้ฉันจะอยู่ตรงนี้”

                               เขาพร้อมที่จะรอให้ 23.15 น. มาถึงอีกครั้ง 

เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในความจริงอันน่าสยดสยอง…!!

                               ที่ถูกขังไว้ในวงจรนิรันดร์นี้ตลอดไป

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

ฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924)

“เรื่องสั้น” เมื่อฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka, ค.ศ. 1883–1924) อายุได้ 40 ปี เขายังไม่เคยแต่งงานและไม่มีบุตร วันหนึ่งเขาเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่กรุงเบอร์ลิน และบังเอิญพบกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ เพราะเธอทำ “ตุ๊กตาตัวโปรด” หาย

“รองเท้า..คู่นี้ !”

เรื่องสั้น “รองเท้า..คู่นี้ !” ฝนเทกระหน่ำตลอดคืน น้ำไหลเป็นลำยาวตามร่องถนน พื้นลื่นเป็นมัน เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาและพื้นถนนดังไม่สม่ำเสมอ ชายหนุ่มส่งของวัยยี่สิบ ผมยาวสะพายกล่องเดินลัดซอยแคบที่เต็มไปด้วยกลิ่นขยะเหม็นฉุนกลับห้องพักเหมือนทุกคืน ฝนซาเม็ดกลับมีหมอกหนา เพ่งมองข้างหน้า เหมือนร่างชายชรา…กำลังลอยเข้าไปในกลุ่มควัน สองมือไขว่าคว้าตาจ้องมาอย่างวิงวอน….

เรื่องเล่าจากมุมมืด

เรื่องสั้น ขอเล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟังครับ เรื่องเล่าจากมุมมืด มันเป็นอีกวันหนึ่งวัน ที่ผมเศร้าใจ.... ใครมีลูกมีหลาน ควรอ่านเรื่องนี้ไว้เป็นอุทธาหรณ์.