23.00
แสงดิจิทัลฉายตัวเลขบนผนัง คือสิ่งแรกที่ชายหนุ่มมองเห็น
มันคือสัญญาณของการเริ่มต้น….!

เขายันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแข็ง ๆ โดยที่หัวใจเริ่มเต้นเร็วกว่าปกติแล้ว ไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก ไม่มีแสงแดดรอดผ่านม่านหนาทึบ มีเพียงความเงียบงันที่บีบอัดอยู่ในอพาร์ตเมนต์แคบ ๆ แห่งนี้ และ ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาในสมองของเขาทันที
ต้องหนี… !
หนีให้ทันก่อน 23.15 น.
นั่นคือกฎเดียวที่ชีวิตของเขายึดถือมาโดยตลอด
เขาไม่รู้ว่าทำไม ไม่รู้ว่ากำลังหนีอะไร แต่ความกลัวที่เย็นยะเยือกนั้นรุนแรงกว่าเหตุผลใด ๆ
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ตัวสั่นเทาเล็กน้อย มองไปยังมุมห้องตรงข้าม มีรอยบุบเล็ก ๆ ที่ผนัง ซึ่งจำได้ดีว่าเกิดจากแรงอัดของศีรษะเขาเองใน “รอบ” ที่แล้ว
เขาคว้าเสื้อยืดสีดำตัวเดิมมาสวมอย่างรวดเร็ว กุญแจรถที่แขวนอยู่บนตะขอถูกหยิบมาด้วยสัญชาตญาณ แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีประโยชน์
เข็มวินาทีบนนาฬิกาข้อมือแบบเข็มที่เขาใส่ตลอดเวลาหยุดนิ่งที่ตำแหน่ง 23.15 น. เสมอ เป็นเครื่องเตือนใจถึงจุดสิ้นสุดที่รออยู่
23.05
เขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ ไม่พยายามเปิดไฟ เพราะแสงสว่างทำให้ภาพหลอนชัดเจนขึ้น
เขาวิ่งไปที่ประตูบานเดียวของห้อง มือแตะที่ลูกบิดเย็นเฉียบ สูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะบิดมันและผลักออกไป
โถงทางเดินว่างเปล่า ไฟนีออนสีเหลืองกะพริบถี่ ๆ เหมือนดวงตาที่กำลังป่วยไข้ กลิ่นอับชื้นและกลิ่นไหม้จาง ๆ เป็นเพื่อนของเขาเสมอ
เขาวิ่งลงบันไดวนด้วยความเร็วสูงสุด รองเท้ากระทบขั้นบันไดไม้เก่าส่งเสียงดัง ตึง! ตึง! ตึง! จนน่าจะปลุกใครก็ตามที่อาจจะอาศัยอยู่ที่นี่ให้ตื่นได้
แต่ที่นี่ไม่เคยมีใครนอกจากเขา
เขามาถึงประตูทางออกชั้นล่างสุดอย่างหอบหนัก มือที่เปียกชื้นของเขากำลูกบิดโลหะไว้แน่น เขามองกลับไปที่ทางขึ้นบันได
มืดมิดและเงียบงัน
23.14
เหลืออีกแค่นาทีเดียว!
เขาผลักประตูทางออกออกไปอย่างแรง แสงสลัว ๆ จากเสาไฟด้านนอกสาดเข้ามาปะทะใบหน้า เขาสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นชื้น และได้ยินเสียงแมลงหวี่หึ่ง ๆ นั่นคืออิสรภาพ
แชะ!
จู่ ๆ ทุกสิ่งรอบตัวก็หยุดนิ่ง เสียงแมลงหวี่หายไป แสงสว่างจางลง แล้วภาพก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
เขารู้สึกเหมือนถูกดูดกลับเข้าไปในความมืดมิด เมื่อความรู้สึกทั้งหมดกลับมาที่เวลา 23.00 น. ก็ปรากฏขึ้นบนนาฬิกาดิจิทัลบนผนังอีกครั้ง
เขานั่งทรุดอยู่บนพื้นห้อง กุญแจรถหลุดจากมือ กลิ้งไปกระทบกับเท้าเปล่าของเขา รอบกายเงียบงันไร้ที่ติ ที่โต๊ะข้างหัวเตียง แก้วน้ำใสสะอาดตั้งอยู่โดยไม่มีรอยร้าวใด ๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ทุบมันเพื่อระบายความโกรธ
ก้มลงมองมือตัวเอง ไม่มีบาดแผล จากการทุบกระจก แต่เขาสังเกตเห็น รอยเปื้อนสีสนิมจาง ๆ ที่ยังคงติดอยู่ที่ซอกเล็บ เหมือนกับว่าเขาเพิ่งทำความสะอาดบางสิ่งบางอย่างอย่างลวก ๆ ไป
จู่ ๆ… เสียงกระซิบแหบพร่า ดังลอดออกมาจากผนังห้องตรงหน้าเขา
“คุณจะ… ไปไหน…”
มันไม่ใช่คำถาม แต่มันคือการย้ำเตือน
เขาไม่ตอบ เขาเพียงแค่สวมเสื้อยืดสีดำตัวเดิม หยิบกุญแจรถ และเตรียมพร้อมสำหรับ “รอบ” ที่กำลังจะมาถึง
23.00 น.
แสงสีแดงวาบบนผนังอีกครั้ง ไม่วิ่งหนี เขาเหนื่อยเกินไปที่จะหลอกตัวเองซ้ำ ๆ คืนนี้เขาเลือกวิธีการที่ต่างออกไป คือการทำลาย
“ถ้าฉันหนีไม่ได้… ก็ไม่มีอะไรต้องเหลืออยู่”
2305 น.
เขาตรงไปที่ลิ้นชักตู้ครัว คว้า มีดทำครัว เล่มใหญ่ขึ้นมา มันเย็นเฉียบและหนักมือ
ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดไหลผ่านร่างกาย เขาจ้องมองใบมีดที่วาววับ จากนั้นก็เริ่มกรีดลงบนผนังห้องด้วยแรงทั้งหมด
“ฆ่า!”

เขาจงใจเขียนคำนั้นซ้ำ ๆ ด้วยปลายมีด จนฝุ่นผงของยิปซัมร่วงกราวลงบนพื้น เป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความบ้าคลั่งที่เขากำลังเผชิญ
เขาทุบหลอดไฟนีออนในห้องน้ำจนแตกละเอียด แล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงในโถชักโครกเพื่อทำลายเครื่องมือแห่งเวลา
23.14 น.
เสียงกระซิบที่คุ้นเคยเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“คุณกำลังทำลาย….”
เขาไม่สนใจ เขายืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังที่เขาสร้างขึ้นมา ยิ้มเยาะให้กับนาฬิกาดิจิทัลที่ใกล้จะถึงจุดจบของมัน
แชะ!
การสั่นสะเทือนมาถึงอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความสงบ 23.00 น. ก็ปรากฏขึ้นบนผนังอีกครั้ง
ทรุดตัวลงมองรอบห้อง ผนังกลับมาเรียบเนียน โทรศัพท์วางอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ หลอดไฟในห้องน้ำยังคงส่องแสงตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่คราวนี้มีบางอย่างที่ต่างออกไป ที่กลางโต๊ะเล็ก ๆ ซึ่งปกติจะวางแก้วน้ำไว้ มี ภาพถ่ายโพลารอยด์เก่า ๆ วางอยู่
มันเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ดวงตาของเธอเบลอจนมองไม่เห็นแววใด ๆ
เขาไม่รู้จักเธอ แต่ใบหน้าของเธอนั้น… คุ้นเคยจนน่าขนลุก
เอื้อมมือไปจับภาพถ่ายนั้น และสัมผัสได้ถึง ความเหนียวหนืดเล็กน้อย ที่มุมภาพ เขาพลิกมันดูด้านหลัง ไม่มีข้อความใด ๆ ยกเว้นรอยนิ้วมือสีแดงสนิมจาง ๆ ที่ป้ายอยู่
ทันใดนั้น เสียงกระซิบก็ดังขึ้น ข้างหู ของเขาอย่างชัดเจน ไม่ใช่จากผนัง
“อย่าทิ้งฉันไว้ที่นั่น…”
เขาสะดุ้งสุดตัว เขาปล่อยภาพถ่ายลงบนพื้น และรีบวิ่งไปที่กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ
เขามองดูใบหน้าของตัวเอง ที่ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว
แต่เหนือไหล่ของเขาในภาพสะท้อน… มีเพียงความมืดมิด ไม่มีร่างใด ๆ ยืนอยู่เบื้องหลัง แต่เขาเห็น รอยเลือดจาง ๆ ติดอยู่ที่แก้มของเขา มันเป็นรอยป้ายขนาดเล็กที่เพิ่งเกิดขึ้น

เขาเช็ดรอยเลือดนั้นออกอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปมองภาพถ่ายบนพื้น
23.00
การเริ่มต้นรอบใหม่ไม่ทำให้เขาตกใจอีกต่อไป
ความเหนื่อยล้าได้กลืนกินความหวาดกลัวไปแล้ว คืนนี้เขาตัดสินใจที่จะ ไม่หนี และ ไม่ทำลาย เขาจะเผชิญหน้ากับความจริงที่ซ่อนอยู่หลังเวลา 23.15 น.
เขาหยิบภาพถ่ายโพลารอยด์ขึ้นมาอีกครั้ง จ้องมองใบหน้าของผู้หญิงในภาพอย่างตั้งใจ เขาพยายามจดจำ พยายามเชื่อมโยง
23.15 น.
เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ใช่เสียงของความพยายามเตือนอีกต่อไป
แต่มันคือ ความโกรธ และ ความเศร้า
เขากำภาพถ่ายไว้แน่นจนกระดาษยับยู่ยี่ เขาเดินไปยืนกลางห้อง หันหน้าเข้าหานาฬิกาดิจิทัลที่กำลังนับถอยหลัง เขารู้สึกเหมือนอากาศในห้องกำลังเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ กลิ่นไหม้จาง ๆ ที่เคยได้กลิ่นเสมอ เริ่มมีกลิ่น คาวเลือด ปะปนเข้ามา
23.14 น.
เสียงกระซิบสุดท้ายก่อนจุดจบดังลั่นในหูของเขา เป็นประโยคเดียวที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
“…………………….”
เวลานั้น…มาถึง
วินาทีที่เวลาเปลี่ยนเป็น 23.15 น. โลกของเขาก็แตกสลาย
อพาร์ตเมนต์ที่เคยสะอาดสะอ้านบิดเบือนไปทันที แสงไฟสีเหลืองนวลดับลง
เหลือเพียงแสงสีแดงฉานจากไฟฉุกเฉินภายนอกที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เผยให้เห็นห้องที่เต็มไปด้วยความพังทลาย
ผนังมีรอยแตกร้าวและคราบสีน้ำตาลเข้ม
เขามองลงไปที่มือของตัวเอง ที่ไม่ได้ว่างเปล่าอีกแล้ว แต่กำลังถือ มีดทำครัว ที่เปื้อนเลือดอย่างหนัก
มือของเขาสั่นเทา เขาค่อย ๆ หันไปตามสัญชาตญาณ และมองเห็น
ร่างของผู้หญิงในภาพถ่าย นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้อง พรมสีเทาเข้มเต็มไปด้วยรอยเลือดสาดกระจาย เธอสวมชุดนอนสีขาวที่ตอนนี้แดงฉาน ดวงตาของเธอเปิดกว้าง จ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า
เขาคือฆาตกร..ใช่ไหม ?
… และนี่คือช่วงเวลาที่แท้จริงของการก่ออาชญากรรมที่สมองของเขาสร้าง วงจรเวลาซ้ำซ้อน เพื่อหลบหนีความจริง
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งหลุดออกมาจากลำคอของเขา เขาไม่พยายามหนีอีกต่อไปแล้ว เขาก้มลงมองร่างนั้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจที่บิดเบี้ยว
แชะ!
โลกสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง เลือดและร่างของเหยื่อหายไป มีดในมือกลายเป็นภาพหลอน
23.00
เหมือนกลับมาตั้งต้นใหม่..
เขายืนอยู่กลางห้องที่สะอาดสะอ้านอีกครั้ง เขาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง จากนั้นก็ยิ้มอย่างช้า ๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เขาไม่หยิบกุญแจรถ เขากลับเดินไปที่ลิ้นชักตู้ครัวอย่างตั้งใจ
และหยิบมีดทำครัวเล่มเดิมออกมาถือไว้
เขาเงยหน้ามองนาฬิกาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ไม่เป็นไร… คราวนี้ฉันจะอยู่ตรงนี้”
เขาพร้อมที่จะรอให้ 23.15 น. มาถึงอีกครั้ง
เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในความจริงอันน่าสยดสยอง…!!
ที่ถูกขังไว้ในวงจรนิรันดร์นี้ตลอดไป