ท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันว่าไม่เคยประกาศ “เส้นตาย 10 ตุลาคม” ต่อกัมพูชาอย่างเป็นทางการ พร้อมย้ำ “จุดยืน 4 ข้อ” เพื่อรักษาเกียรติภูมิและอธิปไตยของชาติ โดยเน้นแนวทางสันติภาพและหลักกฎหมายระหว่างประเทศเป็นสำคัญ
การแถลงของนายอนุทินมีขึ้นหลังจากสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข่าวว่าไทยกำหนดเส้นตายให้กัมพูชาถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยปฏิเสธชัดเจน โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับ “ความปลอดภัยของประชาชนและศักดิ์ศรีแห่งชาติ” การออกมาปรับน้ำเสียงของไทยครั้งนี้สะท้อนความพยายามลดแรงปะทะทางการทูต ขณะเดียวกันยังคงรักษาจุดยืนที่ไม่ยอมให้ประเทศใดก้าวล่วงอธิปไตย
ท่ามกลางแรงกดดันจากหลายฝ่าย การประกาศสนับสนุนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงพนมเปญ ได้สร้างแรงสะเทือนในภูมิภาค แต่ไทยตอบกลับด้วยท่าทีทางการทูตเชิงสมดุล โดยเปิดเผยว่าทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ก็สนับสนุนไทยเช่นเดียวกัน นั่นทำให้จีนถูกมองว่ากำลังใช้ “ความเป็นกลางเชิงยุทธศาสตร์” เพื่อรักษาผลประโยชน์กับทั้งสองประเทศ ขณะที่ไทยอาศัยช่องทางนี้ในการรักษาสมดุลระหว่างมหาอำนาจและเพื่อนบ้าน
จุดยืน 4 ข้อที่ไทยย้ำ—การถอนอาวุธหนัก การถอนทุ่นระเบิด การจัดการขบวนการสแกมเมอร์ และการบริหารพื้นที่ตามกฎหมาย ถูกนำเสนอในฐานะ “เงื่อนไขเพื่อสันติภาพ” มากกว่าการข่มขู่
บทบาทของกองทัพจึงยังอยู่ในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ แต่พร้อมปฏิบัติหากเกิดการละเมิดซ้ำ โดยรัฐบาลพยายามวางภาพลักษณ์ของไทยว่าเป็นประเทศที่ยึดมั่นในสันติวิธี ทว่ามีความชัดเจนในหลักการอธิปไตย
ในเกมการทูตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียงของไทยวันนี้เปรียบเหมือน “โน้ตเสียงต่ำ” ที่พยายามไม่ให้ดังกว่าคู่ข้างบ้าน แต่ก็ไม่เงียบพอให้ใครมองข้ามได้ การย้ำจุดยืนสี่ข้ออาจฟังดูเหมือนสัญญาเพื่อสันติภาพ หากแต่ในทางปฏิบัติ มันคือ “สมการทางอธิปไตย” ที่ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายผิด