วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT โศกนาฏกรรมแห่งการโอดโอย เมื่อ 'เสียงผี' กลายเป็นอาวุธ ที่พาดไปสู่เวทีโลก

 โศกนาฏกรรมแห่งการโอดโอย เมื่อ ‘เสียงผี’ กลายเป็นอาวุธ ที่พาดไปสู่เวทีโลก

เผยแพร่

spot_img

รัฐบาลกัมพูชาหาช่องมานาน ในที่สุดนำเสียงผียื่นเรื่องร้องเรียนต่อสหประชาชาติ (UN) กรณีที่เอกชนไทยทำการเปิดเสียงดังอันน่าหวาดผวา ทั้งเสียงผีโหยหวนและเสียงเครื่องบินรบ ตามแนวชายแดน

                         ทั้งนี้ มิใช่เรื่องตลกขบขันทางกฎหมายระหว่างประเทศ หากแต่เป็น “ปฏิบัติการฟอกขาว” ทางการทูตที่กัมพูชาพยายามพลิกบทบาทจาก “ผู้รุกราน” ให้กลายเป็น “เหยื่อ” ที่น่าสงสารอย่างถึงที่สุด

                         สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการใช้เวทีโลกและวาทกรรมด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากต้นตอของปัญหา 

                         นั่นคือการที่พลเรือนกัมพูชาเข้าไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อธิปไตยของไทยที่ไม่ได้รับการปักปันอย่างชัดเจน การกระทำอันชาญฉลาดของเอกชนไทยรายนี้จึงกลายเป็น “หมัดน็อก” ที่บีบให้กัมพูชาต้องออกมาแสดงความอ่อนแอด้วยการร้องเรียนเรื่องที่ไร้น้ำหนักทางกฎหมาย เพื่อหวังคะแนนสงสารจากนานาประเทศอย่างสิ้นหวัง

                         ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง (Public International Law) และกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อโต้แย้งของกัมพูชานั้น เปราะบางจนแทบจะสลายตัว เมื่อต้องเผชิญกับหลักการที่แข็งแกร่งที่สุดของกฎหมายระหว่างประเทศ คือ หลักอธิปไตยของรัฐ (Sovereignty) และ หลักความรับผิดของรัฐ (State Responsibility) โดยการกระทำดังกล่าวของเอกชนไทยเกิดขึ้นในเขตอำนาจอธิปไตยของตนเอง และรัฐบาลไทยสามารถใช้ “การปฏิเสธอย่างมีเหตุผล” (Plausible Deniability) ว่าการกระทำนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การสั่งการ ควบคุม หรือรับรองของรัฐ

                       ในอนุสัญญาว่าด้วยความรับผิดของรัฐต่อการกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ (Articles on Responsibility of States for Internationally Wrongful Acts – ARSIWA) การกระทำของเอกชนไม่ถือเป็นการกระทำของรัฐ  การที่กัมพูชาพยายามตีความ “เสียงดัง” ว่าเป็นการ “ข่มขู่ว่าจะใช้กำลัง” หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงตามกฎบัตร UN นั้น จึงเป็น ความพยายามยืดเยื้อทางวาทกรรม ที่ขาดรากฐานทางกฎหมายอย่างชัดเจน เพราะ การใช้กำลังนั้นตีความหมายเฉพาะการใช้กำลังทางทหารเท่านั้น

                          ดังนั้น การโอดโอยของกัมพูชาจึงเป็นเพียง เกมการทูตเชิงกลยุทธ์ ที่มุ่งสร้างภาพลักษณ์ “ผู้ถูกกระทำ” (Victimhood Narrative) ให้ปรากฏต่อสายตาโลก เพื่อกลบเกลื่อนความเป็นจริงที่ตนเป็นฝ่าย “ผู้ก่อความไม่สงบ” (Aggressor) ในบริบทของ “สงครามสีเทา” (Grey Zone Conflict) ที่ใช้พลเรือนเป็นเครื่องมือในการขยายอิทธิพลหรือบ่อนทำลายอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน 

                         การร้องเรียนต่อ UN และ OHCHR ในเรื่อง “เสียงผี” ในขณะที่ข้อพิพาทหลักเรื่องการรุกล้ำยังคงดำรงอยู่ ถือเป็นการ “ทำลายความน่าเชื่อถือของตนเอง” ในเวทีระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เพราะทำให้องค์กรระหว่างประเทศต้องเสียเวลาจัดการกับเรื่องที่ไม่มีมูลในทางกฎหมายและขาดสัดส่วนเมื่อเทียบกับความขัดแย้งเชิงดินแดนที่แท้จริง

                          เป็นที่ครึกครื้นของคอการเมืองว่า การที่กัมพูชา หยิบเรื่องเสียงผีฟ้อง UN   มันเป็นเหรียญตราแห่งความสิ้นหวัง ที่กัมพูชาพยายามใช้เพื่อ “ตีตื้น” ภาพลักษณ์ที่ตนเองเป็นฝ่ายเริ่มต้นปัญหา 

                          การกระทำของเอกชนไทยนั้นเป็นยุทธวิธีตอบโต้ที่ไม่ได้ละเมิดกฏหมาย  นับเป็นความเฉลียวฉลาดด้วยซ้ำ ที่ทำให้กัมพูชาต้องติดกับดักทางวาทกรรม  และต้องยอมรับการมีอยู่ของปัญหาด้วยการ “ร้องขอความช่วยเหลือ” ในเรื่องที่ไม่ใช่สาระสำคัญ  อันทำให้ประชาคมโลกสามารถมองเห็น “ความเป็นเด็กงอแง” ของฝ่ายที่พยายามใช้ความสับสนของเขตแดนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองได้อย่างชัดเจน 

                          ประเทศไทยยังยืนยันว่าสามารถรักษาหลักการทางกฎหมายและอธิปไตยของตนได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องยอมรับความรับผิดชอบใด ๆ ในการกระทำของเอกชนรายนี้

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

 กัมพูชาปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางแก๊ง สแกมเมอร์โลก

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ "ศูนย์หลอกลวงออนไลน์" ในกัมพูชา