1.เดิมกรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา บุตร-ธิดานายทักษิณ 17,600 ล้านบาทเศษ จากผลประโยชน์จากการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นให้กองทุนเทมาเส็กของรัฐบาลสิงคโปร์ แต่บุคคลทั้งสองต่อสู้ว่าผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริงคือนายทักษิณ เพราะเป็นเจ้าของหุ้นและผลประโยชน์ที่แท้จริง
2. ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้บุคคลทั้งสองชนะคดี กรมสรรพากรไม่อุทธรณ์ และไม่ยอมออกหมายเรียกและประเมินภาษีจากนายทักษิณ ผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริง ทั้งที่ยังอยู่ในกำหนดเวลาที่สามารถออกหมายเรียกและประเมินภาษีได้
3.ต่อมาเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งคดีจะครบอายุความ 10 ปี สำหรับการประเมินภาษีนายทักษิณ รัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ได้แจ้งให้กรมสรรพากรประเมินภาษีนายทักษิณตามคำแนะนำของสตง.
4.กรมสรรพากรจึงประเมินภาษี 17,600 ล้านบาทเศษนายทักษิณ
5.นายทักษิณต่อสู้ว่ากรมสรรพากรไม่ได้ออกหมายเรียกตนก่อนประเมินภาษี จึงประเมินภาษีตนไม่ได้ 6.กรมสรรพากรโต้แย้งว่ากรมสรรพากรออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีนายพานทองแท้และนางสาวพิณทอง ตัวแทน ถือว่าออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีนายทักษิณ ซึ่งเป็นตัวการแล้ว
7.ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้นายทักษิณชนะคดี ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืน โดยให้เหตุผลว่าการออกเรียกตรวจสอบภาษีตัวแทนไม่ถือว่าออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีตัวการด้วย
8.กรมสรรพากรยื่นฎีกา
9.ศาลฎีกาพิพากษากลับให้กรมสรรพากรชนะคดี นายทักษิณจึงต้องชำระภาษีให้กรมสรรพากร 17,600 ล้านบาทเศษ
10.คำพิพากษาศาลฎีกาถูกต้องและเป็นธรรม เพราะผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริงคือนายทักษิณ บุตรทั้งสองเป็นเพียงตัวแทน และหลังจากศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้บุตรทั้งสองชนะคดีเนื่องจากไม่ใช่ผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริงแล้ว กรมสรรพากรควรออกหมายเรียกตรวจสอบและประเมินภาษีนายทักษิณซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในกำหนดเวลา 5 ปีที่กรมสรรพากรมีอำนาจออกหมายเรียกได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 และ 20 แต่กรมสรรพากรก็เพิกเฉยไม่ดำเนินการ จนเดือนสุดท้ายที่คดีจะขาดอายุความ กรมสรรพากรจึงยอมประเมินภาษีตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ แจ้งให้ดำเนินการตามคำแนะนำของ สตง.
11.หากศาลฎีกาไม่พิพากษากลับให้นายทักษิณตัวการที่แท้จริงเสียภาษี ก็เท่ากับศาลฎีกายอมให้มีการเลี่ยงภาษี (Unacceptable /Abusive Tax Avoidance)โดยการใช้ตัวแทนหรือ Nominee และรัฐไม่ได้ภาษีจากการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร
12.ศาลฎีกาจึงต้องอาศัยความถูกต้องและเป็นธรรมพิพากษากลับคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้นายทักษิณเสียภาษี
13.ปัจจุบันป.ป.ช.กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่ละเว้นไม่ยอมออกหมายเรียกและประเมินภาษีนายทักษิณตั้งแต่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาว่าผู้ต้องเสียภาษีที่แท้จริงคือนายทักษิณ ไม่ใช่บุตรทั้งสองซึ่งเป็นเพียงตัวแทน
(ดูคำพิพากษา หน้า 53)



