ความเงียบของบางประเทศ อาจเสียงดังยิ่งกว่าระเบิดที่ชายแดน
ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ปรากฏภาพความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ตัดสินใจเรียกเอกอัครราชทูตกลับจากพนมเปญ ซึ่งเป็นพัฒนาการสำคัญที่สะท้อนความวิตกต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ทหารไทย 3 นายในสังกัดหน่วยลาดตระเวน ถูกกับระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณเนิน 481 อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โดยหนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องถูกตัดขา
กองทัพไทยเปิดเผยว่า ทุ่นระเบิดที่ใช้เป็นชนิด PMN‑2 ซึ่ง หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดที่เพิ่งถูกวางใหม่ จะหมายถึงการละเมิดอนุสัญญาต้านทุ่นระเบิด (Ottawa Treaty) ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคีร่วมลงนาม
กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ได้เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำพนมเปญกลับเป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับใด
ขณะที่รัฐบาลกัมพูชา ยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่มีรายงานว่า บุคคลสาธารณะและผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์บางส่วนในกัมพูชา ได้แสดงความเห็นเชิงล้อเลียนต่อเหตุการณ์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง
เหตุการณ์นี้สะท้อนความเปราะบางของความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ที่มีประวัติความขัดแย้งฝังลึกในระดับประชาชนและในเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐ แม้ในระดับนโยบายจะเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวร่วมกัน แต่การจัดการพื้นที่ชายแดนยังคงเป็นจุดอ่อนไหวอย่างยิ่ง
มาตรการเรียกทูตกลับ ถือเป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ของความไม่พอใจทางการทูต อันเป็นการ “ลดระดับ” ความสัมพันธ์โดยตรง ถือเป็นการเตือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังเดินเข้าสู่ช่วงที่ต้องมีการทบทวนและประเมินท่าทีอย่างรอบคอบมากขึ้น
เรามึความเห็นว่า สถานการณ์เปราะบางเช่นนี้ไม่ควรผลีผลามคล้อยตามไปกับการกระพือทั้งการปฏิบัติการทางทหาร และข่าวสารหลากหลาย
การหาช่องทางเพื่อเจรจาระดับทหารในพื้นที่ ควรได้รับการเร่งรัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้หรือความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น และหากจะได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย–กัมพูชา เพื่อตรวจสอบและพิสูจน์ชนิดของทุ่นระเบิด รวมถึงที่มาของเหตุการณ์ด้วย ก็จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ทางหนึ่ง
สิ่งที่ไม่อาจมองข้าม คือการดำเนินการผ่านช่องทางพหุภาคี เช่น ASEAN หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งหากฝ่ายกัมพูชาไม่มีการตอบสนองที่ชัดเจน