วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกINSIDE - INSIGHT"ภูมิใจไทยกับปรากฏการณ์ 'ส.ส. ไหลเข้า  เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว...อุดมการณ์เขยื้อนตาม?"

“ภูมิใจไทยกับปรากฏการณ์ ‘ส.ส. ไหลเข้า  เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว…อุดมการณ์เขยื้อนตาม?”

เผยแพร่

spot_img

หลังจากการโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดูเหมือนว่ากระแสการ “ย้ายบ้าน” ของ ส.ส. ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการมุ่งหน้าสู่พรรคภูมิใจไทยที่กลายเป็น “ขั้วอำนาจใหม่” แห่งทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงอุดมการณ์และความมั่นคงของพรรคการเมืองไทย

                          ล่าสุด ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเดิม และเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถทำงานในพรรคที่มีความขัดแย้งภายในได้ ซึ่งสะท้อนภาพความเปราะบางของพรรคการเมืองเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ และจุดประกายคำถามถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการโยกย้าย

                            ในช่วงเวลาอันรวดเร็วหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยได้กลายเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองที่มองหาโอกาสทางการเมืองใหม่ๆ เหมือนเช่นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง 

                            มีรายงานการย้ายพรรคที่น่าสนใจและเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด จากข้อมูลพบว่ามี ส.ส. จากพรรคต่างๆ ทยอยเข้ามาร่วมสังกัดพรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ ส.ส. กว่าครึ่งจากพรรครวมพลังสร้างชาติ ที่ตัดสินใจย้ายมาแทบจะทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมี ส.ส. อีก หลายคนจากพรรคพลังประชารัฐ และที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อยคือการที่มี ส.ส. หลายคนจากพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางการเมืองมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน จนกระทั่งล่าสุดกับกรณีของ ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ 

                          การไหลบ่าของ ส.ส. จากหลากหลายพรรคด้วยเหตุผลนานัปการ ไม่ว่าจะเป็น “ความเห็นต่างทางนโยบาย”, “ความไม่ลงรอยภายในพรรคเดิม” หรือ “ต้องการทำงานเพื่อประชาชนในทิศทางที่สอดคล้องกันมากขึ้นกับนโยบายของพรรคใหม่” ล้วนเป็นคำอธิบายที่ถูกหยิบยกมาใช้ แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ 

                            การตัดสินใจย้ายพรรคในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาลเช่นนี้ มักมีนัยยะแอบแฝงถึง “โอกาสทางการเมือง” ที่กำลังเปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ที่ต่างก็สมหวังกันไปแล้ว

                           ยังมีตำแหน่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากในคณะรัฐมนตรี     กรรมการในคณะกรรมาธิการต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ปฏิเสธไม่ได้

                          ในบริบทการเมืองไทย  ปรากฏการณ์ “การเมืองน้ำขึ้นเรือน” ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า  สำหรับนักการเมืองบางส่วนแล้ว “อุดมการณ์ทางการเมือง” ซึ่งควรเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเพื่อชาติ อาจเป็นเพียงวาทศิลป์ที่ใช้รองรับการตัดสินใจเปลี่ยนสังกัด การไหลเข้าสู่พรรคที่มีแนวโน้มเป็นรัฐบาล หรืออยู่ในขั้วอำนาจบริหาร คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า “ประโยชน์ส่วนตน” และ “โอกาสในการดำรงตำแหน่ง” อาจมีน้ำหนักมากกว่า “ความยึดมั่นในหลักการ” ของพรรคที่เคยสังกัดมาแต่เดิม 

                             หากเป็นเช่นนั้นจริง นี่คือความท้าทายอย่างยิ่งต่อศรัทธาของประชาชนที่มีต่อระบบพรรคการเมือง และอาจส่งผลให้วงจรอุบาทว์ของการ “ซื้อตัว” ส.ส. เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมืองยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้จบในภูมิทัศน์การเมืองไทย ที่ผลประโยชน์มักนำหน้าอุดมการณ์

ข่าวล่าสุด

รัฐบาลไทยมัวแต่ “ประจันหน้า” สู้ศึกหน้าบ้าน ระวัง “หลังบ้าน”

ถูกโจรสแกมเมอร์ยึดจนไร้ทางแก้                               สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงประเภทสแกมเมอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในขั้น วิกฤตที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว                                ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่าการกวาดล้างในฐานที่มั่นเดิมอย่างกัมพูชาและเมียนมาได้ผลักดันกลุ่มทุนจีนเทาให้โยกย้ายฐานปฏิบัติการมาสู่ อาณาจักรคิงส์โรมัน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพื้นที่นี้ได้ถูกยกระดับเป็น "ศูนย์บัญชาการ" แห่งใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ                              อาคารสูงกว่า 30 ชั้น  การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ชี้ให้เห็นว่าผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทามีมูลค่ามหาศาล...

ประวัติรองเท้า “นันยาง” 

ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศักราช 2460 หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี จากมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อ ซู ถิง ฟาง หรือ วิชัย ซอโสตถิกุล ล่องสำเภาพร้อมบิดา แบบเสื่อและหมอนมายังแผ่นดินสยาม

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

เมื่ออายุได้ 53 ปี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้รับคำตัดสินว่า เขามีเวลาเหลืออยู่เพียง “หนึ่งปีสุดท้ายของชีวิต”

ชายคนนั้นคือ จอห์น เดวิสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ (John Davidson Rockefeller) เมื่ออายุ 25 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา พออายุ 31 ปี เขาก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเมื่ออายุ 38...

ข่าวอื่นๆ

 รัฐบาล 4 เดือน กับมรสุม“ความเชื่อมั่น“

คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่เข้าบริหารประเทศภายใต้เงื่อนไขความเชื่อมั่น 4 เดือน กำลังเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่ถาโถมจากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วง

อนุทินแข็งกร้าว! สั่งระงับสันติภาพไทย-กัมพูชา ปิดด่าน 100%

หลังทหารเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำ ชี้ความเป็นปรปักษ์ยังไม่สิ้นสุด ส่อขัดอนุสัญญาเจนีวา                           ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดในรอบปี ถูกประกาศโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยในวันนี้ โดยมีการสั่งระงับ "ปฏิญญาสันติภาพ" ร่วมกับกัมพูชาทันที พร้อมทั้งสั่งปิดด่านชายแดนทุกจุด 100% หลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 เหยียบทุ่นระเบิดซ้ำบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษจนได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่...

อนุทิน ประกาศ 8 ข้อ เกมการเมืองที่ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีเร่งแถลง “8 ข้อสำคัญ” เพื่อสร้างความมั่นใจทางการเมือง ท่ามกลางแรงกดดันภายในและกระแสข่าวยุบสภา