ศิลปวัฒนธรรมไทยของท้องถิ่นภาคใต้ “นางเอกหนังลุง” ปลุกกระแส Soft Power! ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเร่งสนับสนุน ”ของจริง“ ราคาประหยัด ก่อนจะทำพลาดซ้ำรอยรัฐบาลก่อนหน้า ที่เคยทุ่มงบประมาณนับ “ห้าพันล้านบาท”ไปกับ “น้ำเหลว”และคว้ามาได้เพียง การทุ่มเงืนจัดงาน การอวดเครื่องแต่งกายราคาแพง ของอดีตผู้นำ
ปรากฏการณ์เรือนหมื่นแห่ชมที่พัทลุง คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่า ศิลปวัฒนธรรมไทยไม่ต้องการเงินถุงเงินถัง แต่ต้องการการมองเห็นและการสนับสนุนที่ถูกจุด ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้เป็นตัวอย่างโมเดลแห่งความสำเร็จ และประกาศเชิดชูศิลปะพื้นบ้านให้เป็น Soft Power แห่งชาติอย่างจริงจัง

การแสดงสร้างสรรค์อันวิจิตรที่ผสานรากฐานของ “หนังตะลุง” เข้ากับนาฏศิลป์สมัยใหม่ ได้สร้างปรากฏการณ์ไวรัลที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมหาศาล แสดงให้เห็นถึงพลังภายในของศิลปะพื้นถิ่นที่พร้อมจะเติบโตเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมระดับโลก หากได้รับการสนับสนุนที่ถูกทิศทาง
ความสำเร็จระดับปรากฏการณ์นี้ คือการส่งสัญญาณอันทรงพลังจากฐานรากของประเทศว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่แท้จริงต้องมาจากงานสร้างสรรค์ที่เข้าถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมและสามารถเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้ การที่คนนับหมื่นหลั่งไหลมาเข้าชม “นางเอกหนังลุง” โดยไม่มีการบังคับหรือโฆษณาด้วยงบประมาณมหาศาล ยืนยันว่าผลงานที่สร้างสรรค์อย่างลุ่มลึกจากงานวิจัยของนักศึกษาและคณาจารย์ในวิทยาลัยนาฏศิลป์ มีพลังในการขับเคลื่อนกระแสสังคมได้เหนือกว่าโครงการที่ใช้งบประมาณชาติไปอย่างสูญเปล่า

การเปรียบเทียบกับงบประมาณ 5 พันล้านบาทที่เคยถูกใช้ไปโดยได้ผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมน้อยมากในยุคก่อน ถือเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความจำเป็นที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องปรับกระบวนทัศน์ โดยการมุ่งเน้นสนับสนุน “คุณภาพ” และ “ความคิดสร้างสรรค์” ที่มาจากท้องถิ่น แทนที่จะเน้น “ปริมาณงบประมาณ”หรือ “การสร้างภาพลักษณ์” ที่ผิวนอก
รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงควรใช้ปรากฏการณ์ “นางเอกหนังลุง” เป็นต้นแบบ (Blueprint) ในการขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศ โดยการเร่งจัดสรรทรัพยากรที่ “ตรงจุด”เพื่อขยายผลความสำเร็จนี้สู่เวทีระดับชาติและนานาชาติโดยทันที
การสนับสนุนไม่ควรจำกัดเพียงแค่การจัดงานแสดงรอบพิเศษในพื้นที่ แต่ควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืน เช่น การสนับสนุนด้านทุนวิจัยเพื่อต่อยอดงานศิลป์ การจัดทำหลักสูตรพิเศษเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เบื้องหลังความสำเร็จ ตลอดจนการสนับสนุนงบประมาณในการเดินทางไปเปิดการแสดงในต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้พลังความงามของศิลปะภาคใต้ชุดนี้ ได้ทำหน้าที่เป็น “ทูตวัฒนธรรม” ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
การลงทุนในโครงการที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าประสบความสำเร็จและมีต้นทุนต่ำเช่นนี้ คือการตัดสินใจทางนโยบายที่ชาญฉลาดที่สุดในการนำพาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์มาสู่ประเทศไทย
การนิ่งเฉยต่อกระแสความสำเร็จระดับชาติที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้ จะถือเป็นการสูญเสียโอกาสครั้งสำคัญของรัฐบาลในการสร้างฐานราก Soft Power ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
ศิลปะการแสดงมืออาชีพจากท้องถิ่นชุดนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างแท้จริง การเร่งรัดให้มีการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อสนับสนุนผลงานที่เกิดจากงานวิจัยและสร้างสรรค์ของสถาบันนาฏศิลป์และศิลปะในทุกภูมิภาค จะเป็นมาตรการสำคัญในการยกระดับศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านให้กลายเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ทรงพลัง และหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินไปอย่างสูญเปล่าเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตได้อย่างเด็ดขาด