ท่ามกลางกระแสจับตาทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญนัด 29 สิงหาคม ฟังคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียง “แพทองธาร–ฮุน เซน” ว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ แหล่งข่าวชี้ ฝั่งผู้ถูกกล่าวหากำลังประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอาจตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนถึงวันอ่านคำวินิจฉัย เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษตัดสิทธิทางการเมืองถาวร
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยคดีสำคัญ 29 สิงหาคมนี้ หลังรับคำร้องจากสมาชิกวุฒิสภา 36 คน กล่าวหานายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งผู้ถูกร้องยอมรับว่าเป็นเสียงของตนเอง แต่ชี้แจงว่าเป็นการหารือในเชิงมิตรภาพ เพื่อรักษาความสงบและอธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ ศาลยังนัดไต่สวนพยานในวันที่ 21 สิงหาคม และหากไม่มีการมาศาลตามนัดจะถือว่าสละสิทธิ์การเป็นพยาน
สถานการณ์ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เนื่องจากผลการวินิจฉัยอาจมีผลต่ออนาคตทางการเมืองของผู้ถูกร้องโดยตรง แหล่งข่าวทางการเมืองเผยว่า ฝั่งผู้ถูกกล่าวหากำลังติดตามสถานการณ์ทุกระยะ และวางแผนทางเลือกไว้หลายแนวทาง หนึ่งในนั้นคือการลาออกก่อนถึงวันชี้ขาด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากบทบัญญัติที่อาจตัดสิทธิทางการเมืองอย่างถาวร กลยุทธ์เช่นนี้ หากเกิดขึ้นจริง จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่มีนัยสำคัญต่อสมดุลอำนาจในรัฐบาลและสภา
ในมุมการวิเคราะห์ การตัดสินของศาลครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสะท้อนมาตรฐานการตีความในประเด็นจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุด แต่ยังเป็นบททดสอบความเชื่อมั่นของสังคมต่อกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ ในขณะที่การ “วางหมาก” ทางการเมืองของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นถึงความพยายามรักษาพื้นที่และโอกาสบนกระดานการเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หากสุดท้ายแล้ว การยุติบทบาทจะเกิดขึ้นก่อนการตัดสินของศาล ก็อาจเปรียบเสมือนนักกีฬาที่เลือกเดินออกจากสนามก่อนกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา
ไม่ใช่เพราะไม่รู้ผลการแข่งขัน แต่เพราะรู้ดีว่าเมื่อเสียงนั้นดังขึ้น คะแนนที่เหลืออาจไม่เหลือให้เล่นต่อในชีวิตการเมืองอีกเลย