10 กันยายน 2568 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เสนอแนวทางต่อรัฐบาลให้ปรับปรุงโครงการ #คนละครึ่ง เมื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยชี้ว่า ควรเพิ่มกลไกช่วยเหลือ #กลุ่มเปราะบาง และ #ครัวเรือนยากจน ขยายโอกาสให้ #ร้านค้าในท้องถิ่น เข้าร่วมมากขึ้น เพื่อ #กระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจฐานราก และ #ลดความเหลื่อมล้ำ
นายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. ระบุว่า โครงการคนละครึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถ #กระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วย #ผลักดันเศรษฐกิจนอกระบบ ให้ 3เข้าสู่ระบบภาษี จึงถือเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจมหภาคและระดับครัวเรือน แต่หากฟื้นโครงการจำเป็นต้อง ปรับโครงสร้างและเงื่อนไขใหม่ ให้ตอบโจทย์มากกว่าเดิม เช่น
– เจาะจงช่วยครัวเรือนเปราะบางให้เข้าถึงสิทธิได้จริง
– เชื่อมโยงกับโครงการสวัสดิการอื่น เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
– เปิดโอกาสให้ร้านค้าชุมชนเข้าร่วมมากขึ้น กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
ด้าน รศ.ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ นักเศรษฐศาสตร์ #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะให้รัฐบาลศึกษา #โมเดลจีน ซึ่งใช้กลไก “การใช้จ่ายขั้นต่ำ” และ “วันหมดอายุคูปอง” เพื่อ เร่งรัดการจับจ่าย พบว่าในจีนมีค่า MPC (Marginal Propensity to Consume) สูงถึง 3.0 ขณะที่ไทยอยู่เพียง 0.4 เท่านั้น หากนำระบบดังกล่าวมาใช้ อาจ #เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากเกินไป
ส่วนภาคเอกชน เช่น สมาคมธุรกิจจัดงาน และผู้ประกอบการค้าปลีกในต่างจังหวัด ต่างสนับสนุนการเดินหน้าโครงการคนละครึ่งโดยเร็ว พร้อมเสนอให้ เพิ่มวงเงินและขยายการใช้สิทธิ ไปยังธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และบริการอื่น ๆ ไม่จำกัดเพียงร้านอาหาร
#กระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ระบบแอปพลิเคชัน #เป๋าตัง และ #ถุงเงิน พร้อมดำเนินการทันทีหากรัฐบาลประกาศใช้นโยบาย สามารถใช้งบกลางปี 2569 มูลค่า 25,000 ล้านบาทเป็นฐาน และโยกงบส่วนอื่นมาเสริมได้หากจำเป็น
โครงการคนละครึ่งในยุครัฐบาลใหม่อาจกลายเป็น เครื่องมือเร่งด่วนฟื้นเศรษฐกิจ ภายใน 4 เดือนข้างหน้า ภายใต้ข้อจำกัดงบประมาณและแรงกดดันจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Moody’s โดยรัฐบาลต้องเลือกว่าจะเน้นช่วย #ผู้บริโภค#ร้านค้าขนาดเล็ก หรือกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม เป็นหลัก และสื่อสารให้สังคมเข้าใจถึง #การปรับเงื่อนไขใหม่