11 กันยายน 2568 หลายคนคุ้นเคยกับคำว่า “เอลนีโญ” และ “ลานีญา” ที่ทำให้สภาพอากาศทั่วโลกแปรปรวน แต่ความจริงแล้วปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นเพียงผลลัพธ์ของสิ่งที่เรียกว่า ENSO (El Niño–Southern Oscillation) หรือ “การผันแปรของเอนโซ่” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพยากรณ์ภูมิอากาศโลก
ENSO หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตร ควบคู่กับ ความแปรปรวนของระบบความกดอากาศในซีกโลกใต้ โดยนักอุตุนิยมวิทยาทั่วโลกได้กำหนดให้ เกาะตาฮิติ เป็นจุดวัดความกดอากาศตัวแทนของแปซิฟิกใต้ และ เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย เป็นจุดแทนของระบบกดอากาศฝั่งมหาสมุทรอินเดีย
ความแตกต่างระหว่างค่าความกดอากาศทั้งสองพื้นที่ถูกคำนวณเป็น ดัชนี SOI (Southern Oscillation Index) ซึ่งสามารถสะท้อนกำลังของ ลมค้า ที่พัดจากตะวันออกไปตะวันตกเหนือแปซิฟิก
- SOI ติดลบต่อเนื่อง → หมายถึงลมค้าอ่อน น้ำทะเลอุ่นสะสมทางตะวันออก → บ่งชี้ “เอลนีโญ”
- SOI เป็นบวกสูงต่อเนื่อง → ลมค้าพัดแรง น้ำทะเลเย็นสะสมทางตะวันออก → บ่งชี้ “ลานีญา”
ด้วยเหตุนี้ ENSO จึงเปรียบเสมือน “กลไกควบคุม” ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสันนิษฐานได้ล่วงหน้าว่าโลกกำลังจะเข้าสู่ปีแห่งฝนทิ้งช่วง น้ำท่วมใหญ่ หรือพายุรุนแรง
ENSO ไม่ใช่คำใหม่ แต่เป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้การคาดการณ์ เอลนีโญ–ลานีญา แม่นยำขึ้น และมีผลโดยตรงต่อการวางแผนรับมือภัยธรรมชาติในระดับโลก
ที่เห็นคือ แผนที่แสดงอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean) ปัจจุบัน ซึ่งเผยให้เห็นสภาพ ENSO-Neutral (ไม่อยู่ในระยะเอลนีโญหรือลานีญาชัดเจน) โดยน้ำทะเลโดยรวมยังคงอุณหภูมิเฉลี่ยตามปกติ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการประเมินการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกได้อย่างละเอียด
สถานการณ์ ENSO ปัจจุบัน (กันยายน 2568)
1. อยู่ในช่วง ENSO-Neutral (ภาวะเป็นกลาง)
- ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 เป็นต้นมา ภูมิภาคแปซิฟิกเขตร้อนยังคงอยู่ในสถานะ ENSO-Neutral — ไม่ได้อุ่นจัด (เอลนีโญ) และไม่เย็นจัด (ลานีญา)
- อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในพื้นที่ Niño 3.4 อยู่ในช่วงปรกติ ประมาณ –0.5 ถึง –0.6 °C ซึ่งยังไม่ถึงระดับลานีญา
2. แนวโน้มในช่วงฤดูหนาว (ปลายปี 2568 – ต้นปี 2569)
- สถาบันพยากรณ์อย่าง NOAA และ IRI ประเมินว่า ภาวะ ENSO-Neutral มีความเป็นไปได้สูงที่สุดที่จะดำเนินต่อไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน — ธันวาคม 2568 (โอกาสประมาณ 56–68%)
- อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจมีช่วงสั้น ๆ ของ ลานีญาอ่อน (weak La Niña) เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณกันยายน-พฤศจิกายน) โดยมีความเป็นไปได้มากกว่าเอลนีโญ (El Niño มีโอกาสต่ำกว่า 5%)
3. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั่วโลก
- ใน North America (สหรัฐฯ) ภูมิภาค Southwest, Southeast และ Southern California อาจเผชิญกับ สภาวะอากาศร้อนแห้งกว่าปกติ ในช่วงลานีญาอ่อน
- ในขณะที่ Pacific Northwest, Intermountain West และ Ohio Valley มีแนวโน้มได้รับ ฝนมากขึ้นและอากาศเย็นลง
- ในปีที่เกิด ENSO-Neutral แบบนี้ ลักษณะอากาศอาจมีความผันแปรสูง เช่น ภัยแล้งในบางพื้นที่ หรือการคาดการณ์สภาพอากาศระยะยาวจะยากขึ้น เพราะขาดสัญญาณจากเอลนีโญหรือลานีญาที่ชัดเจน