องค์การอนามัยโลก (WHO) โดยสำนักงานวิจัยมะเร็งนานานาติ(IARC) ได้จัดให้ “ปลาเค็ม” เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงสูงสุดเทียบเท่ากับยาสูบและแร่ใยหิน โดยชี้ว่าอันตรายไม่ได้มาจากตัวปลา แต่เกิดจากกระบวนการหมักเกลือที่สร้างสาร “ไนโตรชามีน” (N-nitrosamines) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ได้รับการยืนยันแล้ว และมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งโพรงจมูกสูงกว่าปกติ 5-10 เท่า
นอกจากนี้ ปลาเค็มยังมีความเสี่ยงจากปริมาณโซเดียมที่สูงซึ่งอาจนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง และหากเก็บรักษาไม่ดีอาจเกิดเชื้อราที่สร้างสาร “อะฟลาทอกซิน” ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับได้
อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่ายังสามารถรับประทานปลาเค็มได้อย่างปลอดภัย หากปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยควรจำกัดการบริโภคให้น้อยลง เหลือเพียงเดือนละ 1-2 ครั้ง และที่สำคัญคือควรเปลี่ยนวิธีการปรุงจากการทอดด้วยไฟแรงมาเป็น “การนึ่ง” เพื่อลดปริมาณสารอันตรายและโชเดียม
นอกจากนี้ ควรรับประทานคู่กับผักและผลไม้สดที่มีวิตามินชีสูง เช่น มะเขือเทศ หรือบรอกโคลี เพื่อช่วยยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งในร่างกาย ทั้งนี้ ควรเลือกซื้อปลาเค็มจากแหล่งที่สะอาดน่าเชื่อถือ เก็บในที่แห้ง และทิ้งทันทีหากมีกลิ่นผิดปกติหรือเชื้อรา โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
#ข่าวต่างประเทศ #ปลาเคม #เดอะไทยเกอร์ #TheThaiger