วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกบทความ-ความเห็นเขมรเริ่มสติแตกโวยแหลกสื่อระดับโลกเข้าข้างไทย คนไทยหัวอ่อนเชื่อข่าวบิดเบือน

เขมรเริ่มสติแตกโวยแหลกสื่อระดับโลกเข้าข้างไทย คนไทยหัวอ่อนเชื่อข่าวบิดเบือน

เผยแพร่

spot_img

แคมโบเดียเนสส์ ( Cambodianess)รายงานในเหตุปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม 2568 ไม่ใช่แค่การต่อสู้กันด้วยปืนใหญ่และแสนยานุภาพทางอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นการสู้รบกันในหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์และทั่วสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมส่งเสียงโวยสื่อระดับโลกทั้งหลาย ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าของไทยมากกว่า และประชาชนคนไทยก็เชื่อตามนิยายคำบอกเล่าเหล่านั้น

รายงานของแคมโบเดียเนสส์ โวยวายว่าสุ้มเสียงของกัมพูชาผลักไสไล่ส่ง ผิดกับเรื่องเล่าของไทยกลายเป็นเรื่องใหญ่ และที่เลวร้ายกว่านั้น สำนักข่าวตะวันตกบางแห่งเพียงแค่ถ่ายทอดเรื่องเล่าแบบเดียวกันเหล่านั้นเฉยๆ ตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาคิดว่ามันเป็นความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

แคมโบเดียเนสส์ บอกว่าข้อเป็นจริงมันซับซ้อนมากกว่าข่าวพาดหัว ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พิพากษา 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1962 และอีกครั้งในปี 2013 ว่าประสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบเป็นของกัมพูชา (ข้อเท็จจริงคือ ศาลโลก ไม่ได้พิพากษาชี้ขาดเรื่องเส้นแดนระหว่างประเทศ และไม่ได้ตัดสินว่าเขตแดนต้องเป็นไปตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000)

สืบเนื่องจากคำอธิบายในคำพิพากษา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพื้นที่โดยรอบจึงยังอ่อนไหวอย่างมาก ตามรายงานของแคมโบเดียเนสส์ พร้อมระบุเมื่อครั้งทหารไทยและทหารกัมพูชาเปิดฉากปะทะกันในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม รายงานข่าวของฝั่งไทยทำราวกับว่าข้อสงสัยทางกฎหมายดังกล่าวไม่มีอยู่จริง

แคมโบเดียเนสส์ อ้างว่ารูปแบบการรายงานข่าวลักษณะนี้ของสื่อมวลชนเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์พาดหัวข่าวว่า “ทหารกัมพูชายั่วยุให้ตอบโต้ อ้างอิงคำกล่าวของกองทัพไทย” และ “กัมพูชาใช้พลเรือนรุกรานดินแดนไทย”

นอกจากนี้แล้วแคมโบเดเนสส์ ยังโวยวายกรณีที่หนังสือพิมพ์เดอะเนชัน พาดหัวข่าวว่า “กองทัพไทยรายงานเหตุระเบิดและยิงปืนใกล้ชายแดนกัมพูชา” และ “จะไม่มีการกลับมาเปิดชายแดนจนกว่ากัมพูชาจะหยุดเป็นภัยคุกคาม” ซึ่งพาดหัวข่าวเหล่านี้ เป็นการส่งสารแบบเดียวกัน นั่นคือ “กัมพูชาเป็นผู้ก่อปัญหา ส่วนไทย แค่ป้องกันตนเองเฉยๆ”

สำนักข่าวแคมโบเดียเนสส์ โวยวายต่อว่าภาษาที่ใช้นั้นบอกเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ครั้งที่ทหารไทยเคลื่อนไหวหรือเป็นฝ่ายยิง มันจะถูกให้คำจำกัดความว่าเป็นการ “ตอบสนอง” หรือ “ตอบโต้” แต่ครั้งที่กัมพูชาถูกกล่าวหาว่าทำแบบเดียวกัน สื่อมวลชนเหล่านั้นมักใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกว่าอย่างเช่น “ยั่วยุ, ล่วงละเมิด และรุกราน”

ทางแคมโบเดียเนสส์ คร่ำครวญว่าพบเห็นความเป็น 2 มาตรฐานในรายงานข่าวของสื่อมวลชนไทยเกือบทั้งหมด เมื่อพวกเขารายงานในสิ่งที่รัฐบาล 2 ชาติพูด พวกเขาจะหยิบยกถ้อยแถลงนั้นและให้คำจำกัดความว่ามันเป็นข้อเท็จจริงในทันที โดยปราศจากการชั่งน้ำหนักอย่างเท่าเทียมกับคำพูดของอีกฝ่าย

ในส่วนรายงานข่าวของสื่อมวลชนตะวันตก แคมโบเดียเนสส์ชี้ว่าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ โดยในวันแรกๆของเหตุปะทะสำนักข่าวนานาชาติบางแห่ง ในนั้นรวมถึงรอยเตอร์ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของไทยที่ว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นเรื่องนำ และเพียงเสริมคำปฏิเสธของฝ่ายกัมพูชาในตอนท้าย แถมบ่อยครั้งยังมีแค่บรรทัดเดียว

นอกจากนี้แล้วรายงานข่าวยังแทบไม่มีการพาดพิงถึงคำตัดสินทางกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และสำหรับพวกผู้อ่านภาคภาษาอังกฤษแล้ว มันก่อความคิดฝังใจว่ามันเป็นความผิดของกัมพูชามาตั้งแต่ต้น ตามคำกล่าวอ้างของแคมโบเดียเนสส์

แคมโบเดียเนสส์ ระบุว่าความลำเอียงนี้อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่มันก่อผลแบบเดียวกันนั่นคือภาพแห่งความลำเอียงในความขัดแย้งนี้

ประเด็นนี้เป็นมากกว่าเรื่องชื่อเสียง คำจำกัดความของสื่อมวลชนเป็นการจัดกรอบความคิดของประชาชนและแนวทางดำเนินการของรัฐบาล ถ้าพลเมืองไทยได้รับการบอกเล่าอย่างต่อเนื่องว่ากัมพูชาเป็นผู้รุกราน เมื่อนั้นก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกผู้นำในกรุงเทพฯ ที่จะยกระดับความแข็งกร้าวขึ้น ปิดชายแดนหรือกระทั่งขู่ฉีกข้อตกลงต่างๆนานา

ถ้าข้อตกลงหยุดยิงถูกรายงานในแนวทางที่เน้นย้ำเพียงว่ามีการละเมิดโดยฝ่ายเดียว เมื่อนั้นการเสริมสร้างความไว้วางใจก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้น และเมื่อประชาชนชาวกัมพูชาได้อ่านข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของไทยโดยปราศจากการให้ข้อมูลที่สมดุล ความไม่พอใจก็ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แคมโบเดียเนสส์กล่าวอ้าง

รายงานของแคมโบเดียเนสส์ ระบุว่ากัมพูชาไม่ได้ร้องขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนนานาชาติ แต่กำลังร้องขอการรายงานข่าวที่ยุติธรรม ประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามแนวชายแดน เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า พระสงฆ์และเด็กนักเรียน ที่ถูกบีบให้หลบหนีเมื่อเดือนกรกฏาคม เป็นกลุ่มคนที่ต้องชดใช้ราคาแrงที่สุด เมื่อเรื่องราวต่างๆถูกบอกเล่าผ่านมุมมองที่ลำเอียง

พวกเขาควรสะท้อนความเป็นจริง ไม่ใช่บืดเบือนให้ตรงตามเรื่องเล่าของประเทศใดประเทศหนึ่ง ถ้าสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนตะวันตกใส่ใจกับหลักจรรยาบรรณจริงๆ พวกเขาควรเริ่มต้นจากรายงานข่าวของตนเอง เพราะในความขัดแย้งนี้ การต่อสู้เพื่อดินแดนเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราว การต่อสู้เพื่อความจริงก็สำคัญเช่นกัน และตอนนี้ เรากำลังสูญเสียความเป็นจริงในการต่อสู้มากเกินไปแล้ว แคมโบเดียเนสส์เขียนปิดท้าย

(ที่มา:แคมโบเดียเนสส์)

ข่าวล่าสุด

อินโดนีเซียทุ่ม 9 พันล้านดอลลาร์  ‘ซื้อเครื่องบินรบ J‑10 จากจีน’ 42 ลำ

อินโดนีเซียเตรียมเข้าซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10C ของจีนซึ่งอาจทำให้อินโดนีเซีย กลายเป็นกองทัพต่างชาติรายที่สองที่ใช้งานเครื่องบินรบรุ่นนี้ ต่อจากปากีสถาน การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการซื้อเครื่องบินรบที่ผลิตในจีน ครั้งแรกของอินโดนีเซีย

กฐินทาน.. มหากาลทาน ๑ ปี มีครั้งเดียว

กฐินทาน คือ การถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงรักษาศีล สมาธิ และปัญญาอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ได้จำพรรษาตลอดฤดูฝนในวัดหรืออารามแห่งใดแห่งหนึ่ง การถวายกฐินนี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นกาลทาน ที่นำมาซึ่งอานิสงส์อันมากมายให้แก่ผู้ที่ได้มีโอกาสทอดถวาย

 “มารยา” แห่งพนมเปญ  เมื่อกัมพูชาตระบัดสัตย์ปราบสแกมเมอร์

ความยินดีในการร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนตกลายเป็นเพียงฉากหน้าของ “มารยาทางการทูต” เมื่อผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการร่วมมือกับไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังผลักภาระให้ไทยไปแก้ปัญหาตนเองก่อน

วาระตกต่ำของ “ค่ายสีแดง” สะท้อนเกมอำนาจใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ “เพื่อไทย” ถูกโหวตคว่ำในสภา

มติที่ร่างฯ ถูกตีตกเพราะขาดเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก เพียงหยิบมือ คือสัญญาณอันชัดเจนว่า กลไกอำนาจรัฐได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างสมบูรณ์

ข่าวอื่นๆ

เปิดเสียงผี หมาหอน เครื่องบินรบ ทำให้ชาวกัมพูชากลัว นอนไม่ได้

กรณีที่คุณกันจอมพลัง ได้เปิดเสียงผี หมาหอน เครื่องบินรบ ทำให้ชาวกัมพูชากลัว นอนไม่ได้ จนรัฐบาลกัมพูชายื่นร้องเรียนการกระทำดังกล่าวต่อ UN

ทรัมป์พลาดโนเบลสันติภาพ ถูกมองเป็นคนหลงตัวเองแห่งศตวรรษ

รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ อดีตอธิการบดีสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Seri Phongphit ระบุว่า... #รางวัลโนเบลสันติภาพที่มีคนอยากได้ใจจะขาด สะใจโก๋ที่นายทรัมป์ไม่ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่เจ้าตัว “เรียกร้อง” อย่าง “หน้าด้าน” อ้างว่าไม่มี

“ศาลเตี้ย”  ของสื่อกับหลักของ Presumption of Innocence ความสมดุลระหว่าง เสรีภาพสื่อ กับ สิทธิจำเลย

การที่สื่อบางรายการนำประเด็นที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี มาถกเถียงอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะการเชิญ "แขกรับเชิญ" ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีความคิดเห็นที่ชี้ขาด มา "ยำ" หรือซักไซร้ไล่เลียงอย่างหนักก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น ถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อหลักการพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย ทั้งจริยธรรมสื่อ และธรรมาภิบาล